ที่ได้ทราบว่า ศีลจะสมบูรณ์ได้ด้วยปัญญา ไม่มีตัวตนที่พยายามรักษาศีล แสดงว่า ทางปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุดคือพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นดับไปในขณะนั้น ในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะล่วงศีลข้อได้หรือไม่ หรือเราจะต้องไปตกนรกเพราะเคยล่วงศีล อาจล่วงศีลในขณะต่อไปอีกหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าเรามีการสะสมอะไรมาเท่าใดบ้าง แต่สิ่งที่เราต้องทำในขณะนี้คือเจริญสติ เพื่อให้เกิดปัญญาเท่านั้น แล้วศีลที่สมบูรณ์จะตามมาเอง อย่างนี้จะถูกต้องหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถูกต้องครับ การจะมีศีลสมบูรณ์ไม่ล่วงศีลอีกเลย คือ ถึงความเป็นพระโสดาบัน ซึ่งศีลที่สมบูรณ์ เป็นผล แต่จะต้องอบรมเหตุให้ถึงความเป็นพระโสดาบัน คือ การเจริญสติปัฏฐาน ที่เป็นปัญญาที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ซึ่งเริ่มต้น จะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจ แม้แต่คำว่าธรรมคืออะไร ก็จะทำให้ปฏิบัติถูกต้อง ปัญญาขั้นการฟัง จะเกื้อกูลการปฏิบัติ และย่อมถึงการบรรลุธรรมในอนาคตได้
ซึ่งการจะพยายามไม่ให้ล่วงศีล เป็นเจตนาที่ตั้งใจจะทำ เหมือนกับ พยายามที่จะไม่โกรธ แต่สุดท้ายก็โกรธ เพราะเป็นปุถุชน มีกิเลสมาก เจตนา ความพยายามตั้งใจทำ ไม่ใช่ธรรมที่จะทำให้ศีลดีขึ้น หรือมีศีลสมบูรณ์ แต่ธรรม คือ ปัญญา ที่ทำหน้าที่เห็นถูก จึงทำให้กาย วาจา คือ ศีลดีขึ้น คล้อยตามปัญญาที่เจริญขึ้น
การเจริญสติปัฏฐาน ที่ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม เป็นปัญญาขั้นต้น ซึ่งไม่ควรข้ามไปเห็นการเกิดดับของสภาพธรรม ซึ่งเป็นปัญญาระดับสูง แต่จะต้องเริ่มเข้าใจตัวธรรมในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา กาย วาจาก็จะดีขึ้น คือ ศีลก็ดีขึ้นด้วย เพราะรู้ว่าไม่มีใครด่า ว่าเรา และไม่มีเราที่ถูกว่า ก็ทำให้เข้าใจ และ วาจาที่ไม่ดีได้ เป็นต้น แต่เมื่อยังหนาด้วยกิเลส เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ล่วงศีลได้ เป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ดี สำคัญที่อบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้น และ อบรมเจริญปัญญาที่เป็นสติปัฏฐาน ก็จะถึงจุดหมาย คือ การบรรลุธรรมและ สิ่งทีดีๆ คือ คุณธรรมประการต่างๆ มีศีลที่บริสุทธิ์จะตามมาเอง
ขออนุโมทนาในความเห็นถูกด้วย ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดที่ยังไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสถึงความเป็นพระอริยบุคคล ก็ยังมีเหตุที่จะทำให้กระทำอกุศลกรรมล่วงศีลข้อต่างๆ ได้ ตามกำลังของกิเลสซึ่งจะประมาทกิเลสไม่ได้เลยจริงๆ อาศัยความประมาทเพียงนิดเดียว ก็อาจจะนำพาชีวิตไปสู่ทางต่ำ คือ กระทำอกุศลกรรม ซึ่งอกุศลกรรมที่ทำแล้วนี้แหละที่จะเป็นเหตุให้ ทำให้ผลที่ไม่ดีเกิดขึ้น นำเกิดในอบายภูมิ ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนต่างๆ มากมาย
การแสดงถึงเรื่องการรักษาศีล ศาสนาไหนก็มี ที่มีการสอนให้งดเว้นจากทุจริตประการต่างๆ แต่ในขณะนั้น ไม่มีปัญญาที่เข้าใจความจริง ไม่ได้เห็นโทษเห็นภัยของกิเลสอกุศลที่เกิดขึ้นเป็นไปเพียงแต่มีการงดเว้น อาจจะทำตามๆ กันเท่านั้น แต่ถ้าจะเป็นศีลที่ประกอบด้วยปัญญา มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น เมื่อมีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มากยิ่งขึ้นเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ก็จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้มีการงดเว้นจากทุจริตประการต่างๆ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ไม่ใช่เราที่รักษาศีล แต่เป็นธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น เป็นศีลที่ประกอบด้วยปัญญา ศีลจะบริสุทธิ์ขึ้นเพราะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กุศลทุกอย่างควรเจริญไม่ใช่เจาะจงสติปัฏฐาน ปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับ ถ้าไม่มีปัญญาขั้นการฟัง และไม่มีการพิจารณาธรรม สติปัฏฐานก็ไม่เกิด ค่ะ
ขอบพระคุณครับ
พระโสดาบัน ที่ฟังธรรม ฟังเสร็จ ศีลสมบรูณ์ทันทีเลยหรือครับ
เรียนความเห็นที่ 6 ครับ
บุคคลที่ได้ฟังธรรมและได้บรรลุธรรม เป็นพระโสดาบัน เมื่อเป็นพระโสดาบัน ศีลสมบูรณ์ คือ ศีล ๕ สมบูรณ์ ไม่ล่วงศีลอีกเลย ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ