ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ คุณสมนึกจะถามเรื่องโมหเจตสิก หรือ โมหมูลจิต แยกออกมาเป็นเรื่องๆ ให้เข้าใจเป็นเรื่องๆ ถ้าปนกันจะไม่เข้าใจ
สมนึก ความรู้ของผมก็น้อย
ท่านอาจารย์ ดิฉันจะบอกให้ มี จิ (จิต) เจ (เจตสิก) รุ (รูป) นิ (นิพพาน) นี้ปรมัตธรรม ที่เป็น เจ (เจตสิก) เป็นอกุศล มี ๑๔ โมหเจตสิก เป็นอกุศลเจตสิก ๑ เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลทุกดวงเพราะฉะนั้น อกุศลจิต ทุกดวงมี โมหเจตสิก โลภมูลจิต ๘ ก็มี โมหเจตสิก กับ โลภเจตสิก โทสมูลจิต ๒ ก็มี โมหมูลจิต กับ โทสเจตสิก โมหมูลจิต ไม่มี โลภเจตสิก โทสเจตสิก แต่ต้องมี โมหเจตสิก เกิดกับอกุศลเจตสิกอื่นๆ เพราะฉะนั้นที่คุณสมนึกสงสัย สงสัยอันไหน อะไร ปรมัตถ์อะไร หรือจิตดวงไหน อะไร เราจะรู้แต่ชื่ออย่างเดียว แล้วมาสงสัย จะไม่เข้าใจ
สมนึก โลภะ แม้นิดๆ หน่อยๆ ก็ประจักษ์ได้ง่าย รู้สึกว่างั้น การศึกษาเราก็เข้าใจ เพราะชัดมาก สำหรับ โมหะ แล้วไม่รู้ว่ามีลักษณะอย่างไร จึงสงสัย
ท่านอาจารย์ ถ้าเราคิดว่า โลภะ เราก็รู้แล้วว่าเป็นลักษณะที่อยากได้ ถ้ามีปัญญาที่รู้ความจริงในขฌะนั้น ว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าต้องการเลย เพราะว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป นั่นคือตัวปัญญา ซึ่งโลภะจะเกิดร่วมด้วยไม่ได้ แต่ที่มีโลภะเกิดได้ เพราะมีความไม่รู้ในสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับนั้น อย่างนี้พอจะเข้าใจในลักษณะของโมหะไหม ในขณะที่เกิดร่วมกับ โลภะ ว่าที่ โลภะต้องการอยากได้นั่น ต้องการนี่ นั้นเป็นเพราะในขณะนั้นมี โมหเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่รู้ความจริง ในสิ่งที่กำลังเกิดดับ จึงทำให้เกิดความต้องการในขณะนั้น ในสิ่งที่ปรากฏนั้น พอที่จะแยกลักษณะของโมหะและโลภะที่เกิดรวมกันได้ไหม เพราะว่าถ้ารู้ในขณะนั้น โลภะ เกิดไม่ได้ ถ้ากำลังรู้สภาพที่เกิดดับแล้ว โลภะเกิดไม่ได้ แต่เพราะไม่รู้ สภาพที่ไม่รู้ลักษณะที่แท้จริงในสิ่งนั้น เกิดร่วมกับโลภเจตสิก จึงทำให้มีความต้องการในสิ่งนั้น เพราะความไม่รู้ในลักษณะที่แทัจริงของสิ่งนั้น พอเข้าใจลักษณะของโมหะ ไหมคะ
หมอ อันนี้เป็นโมหมูลจิต หรือคะ
ท่านอาจารย์ อันนี้เป็น เวลาที่ โมหะเกิดกับโลภะ เกิดสังเกตได้ง่าย แต่เวลาเป็นโมหะ นั้นไม่รู้ ก็ถามคุณสมนึกว่าขณะที่ โลภะ ต้องเกิดกับโมหะ เพราะว่าไม่รู้ลักษณะของการเกิดดับ มีความต้องการในสิ่งนั้น ถ้าเป็นวิชชาคือกำลังรู้ลักษณะที่กำลังเกิดดับ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน โลภะ เกิดร่วมด้วยไม่ได้ เพราะฉะนั้น โลภะ ไม่เกิดกับปัญญา แต่โลภะ จะเกิด ต้องเกิดกับ โมหะ นี่จะเข้าใจลักษณะ ของ โมหะ
(ยังมีต่อครับ)
เมื่อเข้าใจ ลักษณะ ของโมหะดีขึ้น ย่อมมีโอกาสละคลายโมหะมากขื้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงของธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น อวิชชาหรือโมหะเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นความไม่รู้ เป็นอกุศลธรรมที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตเท่านั้น และเกิดร่วมกับอกุศลจิตทุกประเภทด้วย จะไม่เกิดกับจิตประเภทอื่นเลย ไม่ใช่เพียงอวิชชาเท่านั้นที่เกิดร่วมกับอกุศลจิต ยังหมายรวมถึงอกุศลเจตสิกประการอื่นๆ ด้วยที่เกิดกับอกุศลจิต ตามควรแก่อกุศลจิตประเภทนั้นๆ นี้คือ ความเป็นจริงของธรรมที่เป็นอกุศลธรรม
ความไม่รู้ มีมาก เพราะสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ และเกิดขึ้นเป็นไปแล้ว ทุกขณะที่จิตเป็นอกุศล หนทางที่จะขัดเกลาละคลายความไม่รู้ ก็คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ขณะที่เข้าใจ อวิชชาก็เกิดไม่ได้แล้วในขณะนั้นครับ
... ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอ เป็นอย่างยิ่งครับ ...
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณคำปั่นและคุณผเดิมครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาคุณหมอ และ อ.คำปั่น ครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น