-และอยากทราบว่าปัจจัย 24 เป็นภูมิอารมณ์ของวิปัสสนาได้ไหมครับ
-ภูมิวิปัสสนาและฐานที่ตั้งให้สติระลึกที่เป็นไปในธรรม (สติปัฏฐาน) ต่างกันอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจ คำว่า วิปัสสนาให้ถูกต้องก่อนครับ วิปัสสนา คือ ปัญญาที่รู้แจ้ง ตามความเป็นจริงในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ ตามความเป็นจริงดังนั้น วิปัสสนา ก็คือ กุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญาระดับสูง เมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีอารมณ์ คือ สิ่งที่ถูกจิต รู้ ซึ่ง กุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นวิปัสสนา ก็จะต้องมีอารมณ์ ซึ่ง เราอาจะเรียก ได้ว่า เป็นภูมิ หรือ เป็นที่ตั้งของสติและปัญญา หรือ เป็นสิ่งที่ สติและปัญญารู้ในขณะนั้น ซึ่ง ภูมิ ที่ตั้ง หรือ อารมณ์ ของวิปัสสนา คือสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็น นามธรรมและรูปธรรม สภาพธรรมที่มีจริง ไม่ว่าจะกล่าวโดยนัย ขันธ์ ๕ อายตนะ ธาตุ ว่า เป็นภูมิ เป็นที่ตั้ง หรือ เป็นอารมณ์ของการเจริญวิปัสสนาได้ทั้งหมดครับ
ซึ่งจากคำถามแรก คือ อยากทราบว่าปัจจัย 24 เป็นภูมิอารมณ์ของวิปัสสนาได้ไหมครับ
ปัจจัย ๒๔ คือ ความเป็นปัจจัยของสภาพธรรมี่มีจริง ซึ่งในการเจริญวิปัสสนา เมื่อถึง ปัญญาระดับสูง ก้ต้องรู้ถึงความเป็นปัจจัยของสภาพธรรม แต่ละอย่าง ซึ่งก็ต้องเป็นการ เจริญวิปัสสนา ถึง วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๒ ที่เรียกว่า ปัจจยปริคหญาณ ก็รู้ความเป็นปัจจัย ของสภาพธรรม ดังนั้นถ้าเป็นการเจริญวิปัสสนาขั้นต้น ปัญญาขั้นต้นที่เป็นวิปัสสนา ก็ยัง ไม่สามารถรู้ความเป็นปัจจัย แต่เมื่อถึงปัญญาระดับสูง ที่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๒ ก็ สามารถมีปัจจัยของสภาพธรรมให้ปัญญา คือ วิปัสสนาญาณรู้ได้ คือ เป็นภูมิ เป้นที่ตั้ง เป็นอารมณ์ของวิปัสสนาได้ แต่ต้องเป็นวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๒ ครับ คำตอบต่อไปที่ว่า
-ภูมิวิปัสสนาและฐานที่ตั้งให้สติระลึกที่เป็นไปในธรรม (สติปัฏฐาน) ต่างกันอย่างไร
ในความเป็นจริงไม่ต่างกันครับ เพราะ ภูมิ ก็หมายถึง อารมณ์ ที่ตั้งของสติปัฏฐานนั่นเองครับ สภาพธรรมใดที่มีจริง เป็นภูมิ หรือ เป็นที่ตั้ง และเป็นอารมณ์ ของสติปัฏฐานและ วิปัสสนานั่นเองคัรบ เพราะบางนัย วิปัสสนาและสติปัฏฐานก็มีนัยเดียวกัน คือ การระลึกรู้ ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นธรรมไม่ใช่เรา สภาพธรรมที่มีจริง จึงเป็นอารมณ์ เป็นภูมิ เป็นที่ตั้งของสติปัฏฐานและวิปัสสนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมที่มีจริงทุกอย่าง เป็นที่ตั้งให้ปัญญาเกิดขึ้นรู้ตามความเป็นจริงได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจถูกเห็นถูก ตั้งแต่ต้นว่า เป็นธรรมที่มีจริง ซึ่งเป็นธรรมแต่ละอย่างๆ เพราะ ธรรม นั้น กว้างขวางมาก ครอบคลุมทั้งนามธรรมและรูปธรรมทั้งหมด ขณะที่รู้ ก็รู้ทีละอย่างไม่ปะปนกัน ดังนั้น สภาพธรรมทั้งหมด ทั้งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ที่เป็นสังขารธรรม และ ทั้งที่เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่เิกิดไม่ดับ คือ พระนิพพาน ปัญญาสามารถเข้าใจตามความเป็นจริงไ้ด้ทั้งหมด ไม่มีเว้น สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ เพราะปัญญาจะระดับสูงจะมีได้ ก็ต้องเริ่มจากการอบรมเจริญสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย ด้วยความอดทนจริงๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ