ขอนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
ขอความส่วนหนึ่งจากพระไตรปิฎก
.................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ตถาคตมีปกติพูดอย่างใด ก็มีปกติทำอย่างนั้น
มีปกติทำอย่างใด ก็มีปกติพูดอย่างนั้น
เพราะเหตุที่มีปกติพูดอย่างใด จึงมีปกติทำอย่างนั้น
มีปกติทำอย่างใด จึงมีปกติพูดอย่างนั้น
ฉะนั้น
จึงได้รับขนานนามว่า ตถาคต
เป็นบทที่ไพเราะซาบซึ้ง ขอสรรเสริญในพระมหากรุณาคุณ
.............................................
ธรรมเตือนใจ
ท้ายพระสูตร วันเสาร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๒
.............................
บัณทิตในโลกนี้ ย่อมเป็นผู้คิดดีโดยปกติ
พูดดีโดยปกติ และทำดีโดยปกติ
ก็ถ้าบัณทิตจักไม่เป็นผู้คิดดีโดยปกติ พูดดีโดยปกติ
และทำดีโดยปกติแล้ว ไซร้
คนฉลาดทั้งหลายจะพึงรู้จักเขาได้อย่างไรว่า
สัตบุรุษนี้เป็นบัณทิต
ก็เพราะเหตุที่บัณทิต ย่อมเป็นผู้คิดดีโดยปกติ
พูดดีโดยปกติ และทำดีโดยปกตินั้นแล
คนฉลาดทั้งหลาย จึงรู้จักเขาได้ว่า
สัตบุรุษผู้นี้เป็นบัณทิต
ด้วยความเคารพธรรมสมควรแก่ธรรม
กราบอนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 48
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่า ตถาคต เพราะทรงทำจริง เป็นอย่างไร.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตกล่าวอย่างใด ก็ทำอย่างนั้น ตถาคตทำอย่างใด ก็กล่าวอย่างนั้น ฯลฯ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า ตถาคต. อนึ่ง พระวาจาไปอย่างใด แม้พระกายก็ไปอย่างนั้น พระกายไปอย่างใด แม้ พระวาจาก็ไปอย่างนั้น. ชื่อว่า ตถาคตเพราะทรงทำจริง ด้วยประการฉะนี้. พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๔๗๕
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกันและศีลนั้นพึงรู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่เล็กน้อย ใสใจอยู่จึงจะรู้ ไม่ใส่ใจอยู่หารู้ไม่ คนมีปัญญาจึงจะรู้ คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ