เจริญบุญได้ทุกเวลา [วนโรปสูตร]
โดย Khaeota  30 ก.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 13783

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑[เล่มที่ 24] - หน้าที่ 255
๗. วนโรปสูตร ว่าด้วยเจริญบุญได้ทุกเวลา
[๑๔๕] เทวดาทูลถามว่า ชนพวกไหนมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อทั้งกลางวันและกลางคืน ชนพวกไหน ตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลเป็นผู้ไปสวรรค์.
[๑๔๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ชนเหล่าใดสร้างอาราม (สวนไม้ดอกไม้ผล) ปลูกหมู่ไม้ (ใช่ร่มเงา) สร้างสะพาน และชนเหล่าใดให้โรงน้ำเป็นทาน และบ่อน้ำทั้งบ้านที่พักอาศัย ชนเหล่านั้น ย่อมมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรมสมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์.

อรรถกถาวนโรปสูตร
บทว่า อารามโรปา แปลว่า ปลูกสวนดอกไม้และสวนผลไม้ บทว่า วนโรปา อธิบายว่า ทำการล้อมเขตแดนในป่าธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองแล้ว ทำเจดีย์ปลูกต้นโพธิ์ ทำที่จงกรม ทำมณฑป กุฏิ ที่หลีกเร้น และที่พักในเวลากลางวันและกลางคืน. เมื่อบุคคลปลูกต้นไม้อาศัยร่มเงาให้อาศัยอยู่ ก็ชื่อว่า การปลูกหมู่ไม้.



ความคิดเห็น 1    โดย สิริพรรณ  วันที่ 11 ต.ค. 2560

อรรถกถาวนโรปสูตรที่ ๗
พึงทราบวินิจฉัยในวนโรปสูตรที่ ๗ ต่อไป :-
บทว่า ธมฺมฏฺฐา สีลสมฺปนฺนา แปลว่า เทวดาย่อมทูลถามว่า ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรมสมบูรณ์ด้วยศีล ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงปัญหานี้โดยวัตถุก่อน จึงตรัสว่า อารามโรปา เป็นอาทิ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อารามโรปา แปลว่า ปลูกสวนดอกไม้และสวนผลไม้.
บทว่า วนโรปา อธิบายว่า ทำการล้อมเขตแดนในป่าธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองแล้ว ทำเจดีย์ ปลูกต้นโพธิ์ ทำที่จงกรม ทำมณฑป กุฏิ ที่หลีกเร้นและที่พักในเวลากลางวันและกลางคืน.
เมื่อบุคคลปลูกต้นไม้อาศัยร่มเงาให้อาศัยอยู่ ก็ชื่อว่าการปลูกหมู่ไม้.
บทว่า เสตุการกา ได้แก่ ชนทั้งหลายสร้างสะพานในที่อันไม่เสมอกัน หรือย่อมมอบเรือให้ไป.
บทว่า ปปํ ได้แก่ โรงที่ให้น้ำดื่ม.
บทว่า อุทปานํ ได้แก่ ที่ใดที่หนึ่งมีสระโบกขรณีและบ่อที่มีน้ำเป็นต้น.
บทว่า อปสฺสยํ ได้แก่ บ้านที่พักอาศัย. พระบาลีว่า อุปาสยํ ก็มี แปลว่า ให้เข้าไปอาศัย.
บทว่า สทา ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ อธิบายว่า เมื่อไม่ตรึกถึงอกุศลวิตก หรือเมื่อไม่หลับ บุญย่อมเจริญ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บุญย่อมเจริญทุกเมื่อ ดังนี้ ทรงหมายเอาเนื้อความนี้ว่า ก็ในกาลใดย่อมระลึกถึง ในกาลนั้น บุญย่อมเจริญ ดังนี้.
บทว่า ธมฺมฏฺฐา สีลสมฺปนฺนา อธิบายว่า ชื่อว่าตั้งอยู่แล้วในธรรม เพราะความที่บุคคลนั้นดำรงอยู่ในธรรม ชื่อว่าสมบูรณ์แล้วด้วยศีล เพราะความที่บุคคลนั้นถึงพร้อมแล้วด้วยศีลแม้นั้น.
อีกอย่างหนึ่ง เมื่อบุคคลทั้งหลายทำบุญทั้งหลายเห็นปานนี้ ชื่อว่าย่อมบำเพ็ญกุศลธรรมสิบ คือว่าบุคคลเหล่านั้นชื่อว่าตั้งอยู่แล้วในธรรม เพราะความที่บุคคลเหล่านั้นตั้งอยู่ในกุศลธรรมสิบเหล่านั้น และชื่อว่าสมบูรณ์แล้วด้วยศีล เพราะความที่บุคคลเหล่านั้นถึงพร้อมแล้วด้วยศีลนั้นนั่นแหละ ดังนี้แล.

จบอรรถกถาวนโรปสูตรที่ ๗
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ