ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานเครื่องล่อให้ติดกับคือเหยื่อ แต่ผู้ไม่มีปัญญารู้ตามความเป็นจริง เครื่องล่อให้ติดข้องก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพะและธรรมนั่นเอง เพราะจากการศึกษาเรื่องวิถีจิตเมื่อเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสทางกาย ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็ติดข้องแล้วในขณะที่เป็นชวนะวิถีจิต ๗ ขณะ
อีกนัยหนึ่ง ภิกษุไม่สำรวมทางตา ฯลฯ เอาหอกลุกเพลิงเป็นไฟแทงตาหรือทิ่มตายัง ประเสริฐกว่าการที่ภิกษุไม่สำรวมตาค่ะ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ถ้าเกิดความยินดี พอใจ ติดข้อง หรือไม่พอใจ ไม่ชอบใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะใด ขณะนั้นเป็นผู้ถูกกิเลสทั้งหลายครอบงำ (กิเลสามิส) แล้ว ที่ติดข้อง ยินดีพอใจหรือแม้กระทั่งไม่พอใจนั้น ไม่ใช่ความผิดของรูป เสียง เป็นต้น แต่เป็นเพราะการได้สั่งสมกิเลสประเภทนั้นๆ มาแล้ว เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยกิเลสก็เกิดขึ้น ส่วนผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดแล้ว กิเลสย่อมไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกระทบกับอารมณ์ประเภทใดๆ ก็ตาม ดังนั้น ผู้ที่หมดกิเลสแล้วกับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นจึงแตกต่างกัน เนื่องจากยังมีกิเลสอยู่นี่เอง จึงต้องศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง อันจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ เป็นทั้งเครื่องล่อ เป็นทั้งหนาม เป็นทั้งตัง เป็นทั้งโจรแต่ทำอะไรผู้ที่มีสติคุ้มครองทวารดีแล้วไม่ได้เลย พระอรหันต์ไม่มีความเดือดร้อนกับรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ พระอนาคามีไม่เกิดโทสะเพราะสิ่งเหล่านี้อีก ผู้ที่ติดในเครื่องล่ออย่างมากย่อมประสบทุกข์เป็นอันมาก ปุถุชน
ขออนุโมทนาครับ
ทางดำเนินอันเอก เพื่อความหมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย
เพื่อก้าวล่วงโสกะ ปริเทวะ
เพื่อดับทุกข์ และโทมนัส
เพื่อบรรลุญายธรรม
เพื่อทำให้แจ้ง พระนิพพาน
นี้คือ...สติปัฏฐาน ๔
ขออนุโมทนาค่ะ
เครื่องล่อในที่นี้หมายถึงเครื่องล่อที่เป็นภัย ได้แก่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมม อามิสเป็นเครื่องล่อ เป็นวัตถุหรืออารมณ์ภายนอกที่จูงใจให้ติดข้อง [เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ ๒๖๖ สิ่งใดเป็นภัยสิ่งนั้นชื่อว่าเป็น สามิส (มีเครื่องล่อ)
จากความเห็นที่ ๔
ที่ติดข้อง ยินดีพอใจ หรือแม้กระทั่งไม่พอใจนั้น ไม่ใช่ความผิดของรูป เสียง เป็นต้น แต่เป็นเพราะการได้สั่งสมกิเลสประเภทนั้นๆ มาแล้ว เมื่อได้ "เหตุได้ปัจจัย" กิเลสก็เกิดขึ้น
ส่วนผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดแล้ว กิเลสย่อมไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกระทบกับอารมณ์ประเภทใดๆ ก็ตาม ดังนั้น ผู้ที่หมดกิเลสแล้วกับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นจึงแตกต่างกัน
ขออนุโมทนาค่ะ
เครื่องล่อ ยังไม่รู้จักเลย รู้แต่ชิ่อ และก็ยินดีพอใจมากด้วยครับ แต่ก็มีหนทางเดียวคือฟังพระธรรม จนกว่าจะรู้จักเครื่องล่อจริงๆ โดยสติระลึกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
สีสวย.....ชอบ
เสียงดี.....นี่ก็ชอบ
กลิ่นหอม.....ช้อบชอบ
หวานอร่อย.....ชอบมาก
คงอบอุ่นดี.....อย่างนี้ ลิงก็ยังชอบบบบบ
แต่ที่ชอบจริงๆ และไม่เคยรู้ตัวเลยว่าชอบ
คือ
ชอบคิด
อกุศลจิตเป็นส่วนใหญ่ด้วยสิ
ชวนวิถีจิตกี่ชวนแล้วเนี่ย
7 เท่า
7เท่า
7 เท่า
จากความเห็นที่ ๕ น่าพิจารณามากค่ะ
พระอรหันต์ ไม่มีความเดือดร้อนกับรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะพระอนาคามี ไม่เกิดโทสะเพราะสิ่งเหล่านี้อีกผู้ที่ติดในเครื่องล่ออย่างมาก ย่อมประสบทุกข์เป็นอันมาก ปุถุชน
ขออนุโมทนาค่ะ