“ตัวเราคือจิต” --- พวกเราทุกคนนี้เป็นจิตทั้งนั้น ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราคือจิต เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่เราจะต้องกลัว ที่กลัวเพราะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราไปคิดว่าเราเป็นร่างกาย ที่ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายนั่นเอง เราก็เลยกลัว คิดว่าพอร่างกายตายไปแล้วเราก็จะตายไปด้วย แต่ความจริงแล้ว เราไม่ได้ตายไปกับร่างกาย เราไม่เคยตาย --- พระอาจารย์สุชาติ
ท่านกล่าวถูกต้องหรือไม่ครับ ถ้าตัวเราคือจิต ดังนั้น จิตเป็นสภาพรู้ ดังนั้นตัวเราคือสภาพรู้ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น ฯลฯ คือตัวเราใช่หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมละเอียดลึกซึ้งโดยเฉพาะแม้กิเลสที่เป็นความยึดถือ คือ สักกายทิฏฐิ สักกายทิฏฐิ สก (ของตน) + กาย (ที่ประชุม) + ทิฏฺฐิ (ความเห็น)
ความเห็นว่าเป็นกายของตน ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน หมายถึง ความเห็นผิดในขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา ของเรา หรือเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงตามสภาพธรรม เช่น ยึดถือ ขณะที่ว่า เห็น เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นต้น สักกายทิฏฐิ คือความเห็นผิดในรูปนามขันธ์ห้า โดยนัยต่างๆ เช่น เห็นรูปโดยความเป็นตน ย่อมเห็นตนมีรูป ย่อมเห็นรูปในตน ย่อมเห็นตนในรูป นี้คือส่วนของรูปขันธ์ ในขันธ์อื่น ก็มีนัยเดียวกัน คือ เห็นผิดในเวทนาขันธ์ ๔ เห็นผิดในสัญญาขันธ์ ๔ เห็นผิดในสังขารขันธ์ ๔ เห็นผิดในวิญญาณขันธ์ ๔ รวมเป็น ๒๐ ประการ ซึ่งมีในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น ที่กล่าวว่า ร่างกายไม่ใช่เราตัวเรา ตัวเราคือจิต นั่นก็เท่ากับว่า ไม่ได้ยึดถือร่างกายว่าเป็นเรา แต่ยึดถือว่าตัวเราเป็นจิต ก็เป็นสักกายทิฏฐิประการหนึ่งที่เป็นความเห็นผิดว่า วิญญาณเป็นเรา แท้ที่จริงแล้ว ในความเห็นถูก คือ ไม่มีตัวเรา มีแต่ขันธ์ ๕ และ ตัวเราไม่เป็นจิต เพราะไม่มีตัวเรา มีแต่ขันธ์ ๕ นี่คือความจริงที่ถูกต้อง
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงในอนัตตลักขณสูตร ว่า วิญญาณ (จิต) เป็นอนัตตา ตลอดจนถึงสภาพธรรมอื่นๆ ด้วย เป็นอนัตตา แล้วจะเป็นเรา ได้อย่างไร แต่เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงหลงยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคลเป็นตัวตน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดกล่าว ก็ต้องย้อนกลับมาว่า แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่าอย่างไร นี้คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง หมายความว่า เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นก็ไม่ได้ สิ่งที่มีจริงที่พระองค์ทรงแสดง พระองค์ทรงตรัสรู้อย่างแจ่มแจ้งตามความเป็นจริง เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อปัญญาโดยตลอด เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้เกิดเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งมีแล้ว แต่ไม่รู้ เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และสภาพธรรมแต่ละอย่างนั้น ก็ว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนสัตว์บุคคล ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย จะเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงต้องได้ฟังได้ศึกษาคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว คิดเองไม่ได้ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณอาจารย์เผดิม
และขออนุโมทนาในความเป็นผู้ตรงครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น
และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลของ อ.คำปั่น และ อ.เผดิม ค่ะ
ที่กล่าวว่า "ตัวเรา คือ จิต" ก็ต้องไตร่ตรองให้ถูกต้องจริงๆ ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ตัวเรา ความจริงคืออะไร ตัวเราแท้ที่จริงเป็นแต่เพียง ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูปธรรมและนามธรรม ที่เกิดดับสืบต่อจนถึงขณะนี้ แต่ด้วยความไม่รู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความเป็นจริงของรูปธรรม นามธรรมแต่ละอย่างที่เกิดดับสืบต่อจึงยึดถือสภาพธรรมที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรา เห็นเป็นเราเห็น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นคนนั้น คนนี้ เป็นสิ่งต่างๆ เมื่อไม่เข้าใจธรรม ก็พูดด้วยความไม่เข้าใจ จึงต้องศึกษาธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจจริงๆ ว่า ธรรมคืออะไร ดังที่ อ.คำปั่น และ อ.เผดิม ได้ กรุณา อธิบายให้เข้าใจ ธรรม ให้เข้าใจความจริงตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงค่ะ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่...
ชีวิตดำรงอยู่ชั่วขณะจิต
ขอเชิญคลิกฟังเพิ่มได้ที่...
ชีวิตรูป - ชีวิตนาม
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...
ขออนุโมทนาครับ