สวัสดีครับ ภรรยาผมเพิ่งจะเสียชีวิตไปได้ 1 เดือน เธอป่วยด้วยโรคมะเร็ง ผมอยู่กับเธอจนวินาทีสุดท้าย เธอนอนแบบไม่รู้สึกตัวและหายใจเหมือนคนหอบเหนื่อยมาประมาณ 2-3 วัน ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองจากร่างกายเธอ แต่นาทีสุดท้ายก่อนเธอจะสิ้นลม เธอพยายามจะหรี่ตาขึ้นมามองผม และเรียกผมด้วยเสียงในลำคออยู่ 3-4 ครั้ง แม้จะฟังไม่เป็นคำ แต่เสียงของวรรณยุกต์มันบ่งบอกว่าหมายถึงผม แล้วเธอก็ค่อยๆ สิ้นใจอย่างสงบ ไม่ทุรนทุราย เหมือนคนนอนหลับแล้วไม่ตื่นมาอีก
ผมอยากทราบว่าจิตของเธอนั้นจะยังคงอยู่กับผมไหมครับ เพราะผมอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนั้น ตอนที่เธอยังพอจะพูดได้อยู่ เธอบอกกับผมเสมอว่าเธอจะไม่ตาย เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าผมและยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นเธอก็เริ่มไม่รู้สึกตัวและตอบสนองใดๆ จนเฮือกสุดท้ายที่ผมเห็น...ก่อนที่เธอจะสิ้นใจ นะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตหรือวิญญาณเป็นสภาพธรรมที่มีจริงเป็นสภาพรู้ จิตมีหลายประเภท เช่น เห็น ก็เป็นจิต ได้ยินก็เป็นจิต คิดนึกก็เป็นจิต เพราะฉะนั้นไม่ได้มีจิตเดียว จิตไม่ได้คงอยู่ จิตไม่ได้เที่ยง แต่จิตเกิดขึ้นและดับไป เมื่อยังมีกิเลสก็เป็นปัจจัยให้จิตอื่นเกิดต่อ ขณะที่ตาย เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ก็เป็นจิต เรียกว่า จุติจิต และเมื่อจุติจิตเกิดและดับไป เมื่อมีกิเลสอยู่ก็เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่อ คือ ทำหน้าที่เกิดและเปลี่ยนภพภูมิใหม่ ตามแต่กรรมของบุคคลนั้นที่จะทำให้เกิดเป็นสัตว์ภพภูมิใด ครับ เพราะฉะนั้น จิตของใครก็ของคนนั้น ไม่มาอยู่ที่จิตใคร เพราะจิตอาศัยที่เกิด คือ จิตเกิดขึ้นได้ ต้องมีที่เกิด เช่น จิตเห็น เห็นเกิดขึ้น ต้องอาศัยรูป คือ จักขุปสาทรูป เป็นที่เกิด ไม่ใช่ไปอยู่กับร่างกายคนอื่น ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิด คือ เกิดใหม่ ปฏิสนธิจิตก็อาศัยหทยรูปเกิด ไม่ได้ไปอยู่ที่จิตใจ หรือ ร่างกายคนอื่น นี่คือความลึกซึ้งของพระธรรมและเป็นสัจจะความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งแสดงถึงความไม่มีสัตว์บุคคล มีแต่ธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เราที่ตาย ไม่ใช่เราที่เกิด เป็นแต่พียง จิต เจตสิกที่ทำหน้าที่เกิดดับสืบต่อไปไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังมีกิเลส เพราะมีความไม่รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราในขณะนี้นั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ตาย หมายถึง อะไร การตายของสัตว์โลก คือ จุติจิตเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ ในภพนี้ชาตินี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก เป็นธรรมที่มีจริงที่เกิดขึ้นเป็นไป เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ทำกิจสืบต่อความเป็นบุคคลใหม่ สืบต่อทันที (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส) เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ดับกิเลสได้ทั้งหมด เมื่อตายไป (จิตขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้ เกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้) ย่อมเกิดทันที แต่จะไปเกิดเป็นอะไร และ ที่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับกรรมที่จะให้ผลนำเกิด เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
ความตายเป็นธรรมดา ที่แต่ละคนที่เกิดมาต้องถึงวันนั้น ไม่มีใครรอดพ้นไปได้เลย สำหรับผู้ที่จะจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ที่ผู้ที่ยังไม่ละจากโลกนี้ไปจะกระทำได้แก่ผู้นั้น คือ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ