ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นโอกาสที่ประเสริฐยิ่งในสังสารวัฏที่ได้ฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ ทรงตรัสรู้ความจริงที่คนอื่นไม่รู้ รู้ไหมว่าเห็นขณะนี้เกิดจึงมีเห็น ถ้าเห็นไม่เกิด ... ไม่มีเห็น!!! ถ้าไม่มีอะไรเกิดซักอย่าง ... ก็จะไม่มีอะไรซักอย่างเดียว!!!

เห็นไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏ ถ้าเพียงเห็นไม่เกิดขึ้น ไม่มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ถ้าได้ยินไม่เกิดขึ้น ไม่มีเสียงที่ได้ยิน

ฟังเพื่อที่จะรู้ความจริงจากผู้ทรงตรัสรู้ และความจริงที่ทรงตรัสรู้ทำให้หมดกิเลสทุกอย่าง

เห็นเกิดเห็นแล้วดับ มิฉะนั้นจะไม่มีขณะที่ได้ยิน นี่คือการตรัสรู้ ... ชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ... เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก ขณะที่เห็นมีใครรู้บ้างว่าไม่ใช่ขณะที่คิด??

แต่ละหนึ่งขณะที่ผ่านไปตั้งแต่เกิดโดยไม่รู้ความจริงนั้นแสนสั้น เกิดแล้วดับรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้ มีการเกิดดับสืบต่อ สุขบ้างทุกข์บ้าง ทุกอย่างดับหมด ... เดี๋ยวนี้อยู่ไหน? ทุกวันเป็นอย่างนี้ ... แต่ไม่รู้เลย!!!

ศึกษาธรรมะเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่เกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครทำให้เกิดหรือไม่ให้เกิดได้

แต่ละหนึ่งขณะเกิดขึ้นโดยไม่มีใครทำให้เกิด เพราะเกิดแล้วและดับแล้วด้วย

เป็นผู้ตรงต่อความจริงจึงจะเข้าใจความจริงได้

ถ้าไม่มีธาตุรู้ จะมีอะไรปรากฏไหม? ไม่มีอะไรเลยถ้าหลับตา ... ถ้าไม่กระทบตาก็ไม่เห็น เห็นเป็นธาตุรู้ ถ้าไม่มีธาตุรู้ที่เห็น ไม่มีอะไรปรากฏเป็นสีสันวรรณะต่างๆ

เพราะเห็นโทษของสิ่งที่ไม่ดี ทำให้ละสิ่งที่ไม่ดีนั้น

ถ้าเห็นประโยชน์ว่าต้องตายจากโลกนี้ไป ต้องเดือดร้อนจากเรื่องต่างๆ แล้วใครจะแก้ได้? ถ้าแก้ได้ต้องแก้อะไร? ถ้าดีทั้งโลกต้องแก้อะไรไหม?? ถ้าไม่ดีทั้งโลก ... ใครจะแก้?? ก็สะสมสิ่งที่ไม่ดีต่อไป

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทุกอย่างที่มีจริงโดยประการทั้งปวงถึงที่สุด ทุกคำของพระองค์เพื่อเข้าใจ ถ้าเข้าใจแล้วไม่ลืม

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา" เป็นคำของพระองค์หรือเปล่า? แต่ละคำเข้าใจหรือเปล่า ... แค่ไหน??

ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง สมควรไหมที่จะรู้ว่าสิ่งที่มีจริงคืออะไร?? เดี๋ยวนี้จริงไหม?? ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ... มีจริงแน่นอน เพราะมีลักษณะปรากฏให้รู้ว่ามีจริงๆ เช่น เห็นมีจริง เห็นเป็นธรรมะ เห็นเป็นธาตุรู้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้!!!

ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว และไม่คิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ขณะนี้กำลังมีสิ่งที่ปรากฏ ขณะนี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา แล้วค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มี ความเข้าใจสะสมสืบต่อที่จะเข้าใจอีก ฟังอีกเข้าใจอีกๆ ๆ ๆ

รู้ความเป็นจริงจากคำที่พระองค์ตรัส รู้เเละเข้าใจความเป็นจริงตามลำดับขั้นของปัญญา ไม่ใช่ตัวเราจะไปบังคับบัญชาสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เลย รู้และเข้าใจความเป็นจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏโดยความเป็นอนัตตา แต่ไม่ง่ายเพราะสะสมความไม่รู้มานานแสนนาน ต้องอาศัยการอบรมความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นจากการฟังแต่ละครั้ง ไตร่ตรองพิจารณาแล้วความเข้าใจค่อยๆ เกิดขึ้น เจริญขึ้น ที่จะมีปัจจัยที่จะเป็นเหตุให้ความเข้าใจเกิดขึ้นรู้สิ่งที่กำลังปรากฏเป็นปกติ

เชิญชม

สนทนาธรรม เรื่อง "พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร"

โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และอาจารย์ มศพ.

📍ณ โรงแรมวังใต้ อ.เมือง จ. สุราษฏร์ธานี
🏢วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗
🕓เวลา ๑๔.๐๐- ๑๖.๐๐ น.

🔵FB: เพจวิทยุออนไลน์ บ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/n9mPFBMEMTgiR193/?mibextid=QwDbR1

🔵FB : ชมรมบ้านธัมมะ www.facebook.com/share/v/D4QYHzkfLJbmnAQy/?mibextid=QwDbR1

🔴YT: dhammahomelive
www.youtube.com/live/XgnBiqPDd6w?si=2PSP5TpzE5z0BxDq

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ