คุ้มครองจิต
โดย nattawan  4 ก.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48054

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เกิดมากิน มานอนและมีอกุศลมากมายในแต่ละวัน แล้วก็สะสมให้อกุศลยิ่งมากขึ้นอีกหรือ แต่ถ้าปัญญาค่อยๆ เข้าใจในความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ก็เป็นการคุ้มครองจิตเพราะเริ่มละคลายอกุศล จนปัญญาค่อยๆ มั่นคงเพิ่มขึ้น

จากการสนทนาอุปสูตร ที่ มศพ. 12 พ.ค. 55

ก็ต้องรู้ตามความเป็นจริง ความเป็นจริงก็คือว่า มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ... รู้จริงๆ หรือยัง? ค่อยๆ น้อมไปเข้าใจถูกต้องว่า เป็นเพียงแต่สิ่งที่ปรากฏชั่วคราว และขณะที่กำลังพอใจ ... ก็จริง เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีจริงซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราว

ไม่ใช่ทำอะไรเลยค่ะ นอกจากเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วกำลังปรากฏ ค่อยๆ เข้าใจขึ้นจากการฟังวันก่อน ฟังและเข้าใจแค่ไหนนะคะ ก็จะรู้ได้จากวันนี้เข้าใจอย่างที่เข้าใจวันก่อนหรือเปล่า? เพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ หรือเปล่าว่ามั่นคงขึ้นว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ เห็นมั้ยคะ? จริงๆ กับความไม่รู้จริงนี่ก็ต่างกันแล้ว ... สิ่งที่ปรากฏจริงๆ ก็คือเพียงปรากฏอย่างนี้แหละชั่วคราว แต่ความไม่จริงก็คือว่า ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดแล้วดับ แล้วก็มีการคิดนึก แล้วก็มีการจำรูปร่างสัณฐานต่างๆ แล้วก็มีความพอใจ เร็วกว่าที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร คือเพียงแค่ปรากฏก็ไม่สามารถที่จะกั้นการสะสมความติดข้องซึ่งสะสมมานาน ... เกิดแล้ว ... โดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร

เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ ไม่ประมาทอกุศลซึ่งเกิดมากมาย แต่รู้ว่าการค่อยๆ สะสมความเข้าใจ คุ้มครองในขณะนั้นทำให้เข้าใจค่ะ ... บอกว่าขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ก็เป็นเครื่องวัดความเข้าใจแล้วคุ้มครองแค่ไหน?

ถ้าเริ่มเข้าใจจริงๆ การเริ่มละมีในขณะนั้น เริ่มคุ้มครอง เริ่มละ เริ่มคลาย จนกว่าที่จะน้อมไปสู่การไม่เกิด เพราะเห็นว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่เกิดใครก็ยับยังไม่ได้ เกิดแล้วทั้งนั้น แต่เกิดแล้วก็ดับหมดไป ... ไม่กลับมาอีกเลย

เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วนะคะ พูดอย่างธรรมดาชาวบ้านก็คือ เกิดมากิน เกิดมานอน เกิดมาคิด เกิดมาทำ เยอะแยะแล้วก็ตายไป ไม่มีอะไรเหลือเลยซักอย่างเดียว ไม่ว่าจะคิดอะไร ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะเข้าใจว่าสำคัญอย่างไร แต่ความจริงก็คือว่า ต้องเป็นไปด้วยความไม่รู้

แล้ววันนี้นี่นะคะถ้าพูดถึงการเกิดมากิน ... กินมากใช่ไหมคะ? เช้า อาจจะสาย มีน้ำชากาแฟคั่นหรืออะไร แล้วก็กลางวัน แล้วก็บ่ายอีก แล้วก็เย็นอีก บางคนก็รับประทานก่อนนอน ยังไม่เท่าการติดข้องในสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แล้วก็ยังมีความคิดมากมายค่ะ เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้นเลยที่คิด คิดทุกวัน คิดมากขึ้น เพราะว่าเพิ่มขึ้นทุกวันด้วย จากเรื่องหนึ่งสั้นๆ ก็เป็นเรื่องยาวต่อไปมากมายแล้วก็ทำด้วย ทั้งคิดทั้งทำ เกิดมากิน มานอน มาพูด มาคิด มาทำ แล้วก็ไม่มีอะไรเหลือ ... ไม่เหลือเลยค่ะซักอย่างเดียว

เพราะฉะนั้น ปัญญาที่มีความเข้าใจถูกความเห็นถูกนี่นะคะ คุ้มครองให้ปลอดภัยจากอกุศลในขณะนั้น จนกระทั่งสามารถที่จะค่อยๆ เพิ่มความมั่นคงของปัญญา แล้วก็รู้ว่าปัญญาที่มีกำลังก็จะเห็นโทษของอกุศล แล้วก็เพียงชั่วหนึ่งขณะก็ประมาทไม่ได้ เคยโกรธใคร เคยไม่พอใจหรือไม่ชอบใครขณะนั้นถ้ารู้ว่าไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แต่ว่าเป็นธรรมะที่เป็นอกุศลเกิดแล้ว แล้วก็สะสมมากขึ้นด้วย

ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้นะคะ ขณะนั้นก็คุ้มครองแล้วใช่ไหมคะ เฉพาะขณะนั้นแล้วยังต่อไปอีกในแสนโกฏกัปด้วย เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นประโยชน์ของการที่สละอกุศล ไม่ว่าประเภทใดๆ ก็ตามทั้งสิ้นค่ะ ด้วยการเข้าใจในธรรมะ

เชิญชม ...

คุ้มครองจิต

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลวิริยะของ อ.อรรณพ หอมจันทร์



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 4 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เฉลิมพร  วันที่ 8 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ