[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 397
๙. โกฏฐิตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยความหมายของอวิชชา -วิชชา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 397
๙. โกฏฐิตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยความหมายของอวิชชา - วิชชา
[๓๓๐] เหตุเกิด (แห่งพระสูตร) ก็เป็นเช่นนั้นแล. ท่านพระสารีบุตรนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ถามท่านพระมหาโกฏิฐิตะว่า ดูก่อนท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉน
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 398
หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชาด้วยเหตุเพียงเท่าไร?
ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนา ... แห่งสัญญา ... แห่งสังขาร ... แห่งวิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชาด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[๓๓๑] เมื่อท่านมหาโกฏิฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงได้ถามว่า ดูก่อนท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาด้วยเหตุเพียงเท่าไร?
ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูป ย่อมรู้ชัด ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนา ... แห่งสัญญา ... แห่งสังขาร ... แห่งวิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า วิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชาด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
จบ โกฏฐิตสูตรที่ ๒