พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้บำเพ็ญบารมีมา ๔ อสงไขยแสนกัปป์ (หลังพุทธพยากรณ์) ไม่ได้นับรวมระยะเวลา ที่พระองค์ทรงตั้งความปรารถนาในใจ และได้กล่าวด้วย วาจา ถ้านับรวมระยะเวลาทั้งหมดของการบำเพ็ญบารมี เช่น พระพุทธเจ้า ที่ยิ่ง ด้วยวิริยะ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีอาริยเมตไตรย์ เป็นต้น) รวมระยะเวลาทั้ง หมด ในการบำเพ็ญบารมีของพระองค์คือ ๘๐ อสงไขยแสนกัปป์ จึงจะได้ประจักษ์ แจ้ง แนวทางเจริญวิปัสสนา และสั่งสอนให้ปุถุชนได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นพระ อริยบุคคล
ปัญญา และ ความเพียร เช่นนี้ ไม่ใช่ว่า ใครๆ ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ ก็จะมาตั้ง ความปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้ากันได้ง่ายๆ แค่พระอัครสาวก ก็ต้องบำเพ็ญบารมีถึง 1 อสงไขยแสนกัปป์ แล้วครับ จึงไม่ควรดูหมิ่น พระคุณทั้ง ๓ ของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าว่า วิปัสสนาเป็นเรื่องง่าย (จะตกนรกหมกไหม้โดยไม่รู้ตัว)
ดังนั้น ควรศึกษาพระธรรมโดยละเอียดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง จะทำให้ เป็นผู้กล่าวตรงกับสภาวธรรมตามความเป็นจริง ตรงตามพระธรรมคำสอน ไม่เป็นผู้กล่าวตู่พระพุทธเจ้าด้วยคำไม่เป็นจริง
อนุโมทนา
เห็นด้วยครับ
ขออนุโมทนายิ่งๆ ๆ ๆ เลย
ขออนุโมทนาอย่างยิ่งๆ เช่นกัน เป็นโชคดีของดิฉันแล้ว ที่ไม่เผลอดูหมิ่น พระพุทธองค์ด้วยการบอกว่า ธรรมะเป็นของง่าย คิดเองได้ รู้เองได้ไม่ต้องเรียน แล้วเอาไปบอกคนอื่นให้ทำนั่นทำนี่ แบบนี้ตกนรกหมกไหม้โดยไม่รู้ตัวจริงๆ
พระศาสนาจะอยู่หรือจะไป ก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในพระธรรม ของพุทธบริษัทนี่แหละค่ะไม่ใช่ใครอื่น
เห็นด้วยค่ะ ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ