จากที่ได้อ่านพระสูตรเรื่องกาลามสูตร10 รวมความถึงทุกอย่างเลยในชีวิตประจำวัน แล้วอะไรที่เราจึงจะเชื่อได้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหนตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กาลามสูตร หรือ เกสปุตตสูตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเกื้อกูลแก่ชนชาวกาลามะ แห่งเกสปุตตนิคม ที่เกิดความสงสัยในกรณีที่ว่า ณ เกสปุตตนิคม มักจะมีสมณพราหมณ์กลุ่มต่างๆ มาแสดงความคิดความเห็น ต่างก็กล่าวเชิดชูความคิดเห็นของตน ว่า ความคิดเห็นของตนเท่านั้น ที่ถูก ส่วนความคิดเห็นของผู้อื่น ผิด ไม่ว่าจะเป็นสมณพราหมณ์กลุ่มใดที่มาถึงเกสปุตตนิคม ก็จะกล่าวอย่างนี้ทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในบรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสว่า ควรแล้วที่ท่านจะสงสัย ความสงสัยของท่านเกิดขึ้นแล้วในเหตุที่ควรสงสัยจริงๆ ต่อจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงแสดงว่า อย่าเชื่อโดยอารการ ๑๐ อย่าง ได้แก่
ท่านอย่าได้ถือ โดยได้ฟังตามกันมา
อย่าได้ถือ โดยลำดับสืบๆ กันมา
อย่าได้ถือ โดยความตื่นว่า ได้ยินอย่างนี้ๆ
อย่าได้ถือ โดยอ้างตำรา
อย่าได้ถือ โดยเหตุนึกเดาเอา
อย่าได้ถือ โดยนัยคือคาดคะเน
อย่าได้ถือ โดยความตรึกตามอาการ
อย่าได้ถือ โดยชอบใจว่าต้องกันลัทธิของตน
อย่าได้ถือ โดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้
อย่าได้ถือ โดยความนับถือว่าสมณะผู้นี้เป็นครูของเรา
ทั้งหมดทั้งปวง นั้น ก็เพื่อให้ผู้ฟังเกิดปัญญาเป็นของตนเอง เข้าใจด้วยตนเอง รู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังอะไรมา ก็อย่าพึ่งเชื่อ แต่ควรพิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญด้วยเหตุด้วยผลว่าเป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่ อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ หรือ เป็นไปเพื่อประโยชน์ เป็นต้น เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ละทิ้งสิ่งที่มีโทษ แล้วอบรมเจริญสิ่งที่ไม่มีโทษ ทั้งหมดทั้งปวงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงในพระสูตรนี้ คือ เพื่อให้มีการพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาของตนเอง ไม่ใช่เชื่อทันที สิ่งที่ควรเชื่อได้ ก็คือ สิ่งที่เมื่อได้พิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาของเองตนเองแล้วว่าเป็นจริงอย่างนั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคำจริง เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูล เป็นประโยชน์ในทุกกาลสมัย ครับ
... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ