นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••
สนทนาธรรมที่
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๑๕ ส.ค. ๒๕๕๒
เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.
โรหิตัสสสูตร
จาก ... [เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๘๑
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๘๑
๖. โรหิตัสสสูตร
[๒๙๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น เมื่อล่วงปฐมยาม โรหิตัสสเทวบุตรมีวรรณะงามยิ่งนักทำพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่วแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว จึงถวายอภิวาทแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
โรหิตัสสเทพบุตรยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ณ โอกาสใดหนอ บุคคลจึงจะไม่เกิดไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคลอาจ หรือบรรลุที่สุดโลกได้ด้วยการเดินทางได้บ้างไหมหนอ.
[๒๙๖] พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีอายุ โอกาสใดบุคคลไม่เกิดไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลกว่า ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุด้วยการเดินทาง. ร. น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า. พระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วว่า ผู้มีอายุ โอกาสใดบุคคลไม่เกิดไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลก ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุด้วยการเดินทาง
[๒๙๗] ร. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่ปางก่อน ข้าพระองค์เป็นฤาษีชื่อโรหิตัสสะ เป็นบุตรของอิสรชน มีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้ มีความเร็วประดุจอาจารย์สอนศิลปธนู จับธนูมั่น ชาญศึกษาชำนาญมือ เคยประลองยิงธนูมาแล้ว ยิงผ่านเงาตาลตามขวางได้ด้วยลูกศรขนาดเบาโดยสะดวกง่ายดาย ย่างเท้าของข้าพระองค์เห็นปานนี้ประดุจจากมหาสมุทรด้านทิศบูรพา ก้าวถึงมหาสมุทรด้านทิศประจิมข้าพระองค์มาประสงค์อยู่แต่เพียงว่า เราจักบรรลุถึงที่สุดของโลกด้วยการเดินทาง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ประกอบด้วยความเร็วขนาดนี้ ด้วยย่างเท้าขนาดนี้ เว้นจากการกิน การขบเคี้ยว และการลิ้มรสอาหาร เว้นจากการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เว้นจากระงับความเหน็ดเหนื่อยด้วยการหลับนอน มีอายุถึงร้อยปี ดำรงชีพอยู่ถึงร้อยปี เดินทางตลอดร้อยปี ก็ยังไม่ถึงที่สุดของโลกได้ แต่มาทำกาลกิริยาเสียในระหว่าง น่าอัศจรรย์นัก พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมาพระเจ้าข้า พระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วว่า ผู้มีอายุณ โอกาสใดบุคคลไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลก ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง
[๒๙๘] พ. ดูก่อนผู้มีอายุ ณ โอกาสใดบุคคลไม่เกิด ไม่แก่ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลก ที่ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง ก็ถ้าหากเรายังไม่บรรลุถึงที่สุดของโลกแล้ว ก็จะไม่กล่าวถึงการกระทำที่สุดทุกข์ ก็แต่ว่าเราบัญญัติโลก เหตุให้เกิดโลก การดับของโลก และทางให้ถึงความดับโลก ในเรือนร่าง มีประมาณวาหนึ่งนี้ และพร้อมทั้งสัญญา พร้อมทั้งใจครอง.
แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่มีใครบรรลุถึงที่ สุดโลกด้วยการเดินทาง และเพราะที่ยังบรรลุ ถึงที่สุดโลกไม่ได้ จึงไม่พ้นไปจากทุกข์ เหตุนั้นแล คนมีปัญญาดี รู้แจ้งโลกถึง ที่สุดโลกได้ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว รู้ที่สุดโลก แล้ว เป็นผู้สงบแล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และโลก อื่น
อรรถกถาโรหิตัสสสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในโรหิตัสสสูตรที่ ๖ ต่อไป :-
บทว่า ยตฺถ เป็นสัตตมีวิภัตติ ลงในโอกาสหนึ่งแห่งโลกจักรวาล. คำว่า น จวติ น อุปปชฺชติ นี้ ท่านถือเอาด้วยอำนาจการจุติปฏิสนธิในภพต่อๆ ไป.
บทว่า คมเนน ได้แก่ ด้วยการเดินไปด้วยเท้า พระศาสดาตรัสว่า นาหนฺตํ โลกสฺส อนฺตํ ดังนี้ ทรงหมายถึงที่สุดแห่งสังขารโลก
ในบทว่า ญาเตยฺยํ เป็นต้น ความว่า พึงรู้พึงเห็นพึงถึง เทพบุตรทูลถามถึงที่สุดแห่งโลกจักรวาล ด้วยประการฉะนี้ พระศาสดาตรัสถึงที่สุดแห่งสังขารโลก แต่เทพบุตรนั้นร่าเริงด้วยสำคัญว่า คำพยากรณ์ของพระศาสดา สมกับปัญหาของตน จึงกล่าวว่า น่าอัศจรรย์เป็นต้น
บทว่า ทฬฺหธมฺโม แปลว่า มีธนูมั่น คือประกอบด้วยธนูขนาดเยี่ยม
บทว่า ธนฺคฺคโห แปลว่า อาจารย์ฝึกธนู
บทว่า สุสิกฺขิโต ได้แก่ ศึกษาศิลปธนูมา ๑๒ ปี
บทว่า กตหตฺโถ ได้แก่ ชื่อว่า ชำนาญมือเพราะสามารถยิงปลายขนทรายได้ แม้ในระยะอุสภะหนึ่ง
บทว่า กตุปาสุโน ได้แก่ยิงธนูชำนาญ ประลองศิลปะมาแล้ว
บทว่า อสเนน ได้แก่ ลูกธนู
บทว่า อติปาเตยฺย ได้แก่ พึงผ่าน เทพบุตรแสดงคุณสมบัติคือความเร็วของตนว่า ลูกธนูนั้นพึงผ่านเงาตาลเพียงใดข้าพระองค์ก็ผ่านจักรวาลไปโดยกาล [ชั่วขณะ] เพียงนั้น ด้วยบทว่า ปุริมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม เทพบุตรกล่าวว่า ข้าพระองค์ย่างเท้าก้าวได้ไกล ทำนองไกลจากสมุทรด้านตะวันออกจดสมุทรด้านตะวันตก ได้ยินว่า เทพบุตรนั้นยืนที่ขอบปากจักรวาลทิศตะวันออก ย่างเท้าแรกก้าวเลยขอบปากจักรวาลทิศตะวันตกไป ย่างเท้าที่สองออกก็ก้าวเลยขอบปากจักรวาลอื่นๆ ไป
บทว่า อิจฺฉาคตํ แปลว่า ความอยากได้นั่นเอง เทพบุตรแสดงความไม่ชักช้าด้วย
บทว่า อญฺญเตฺรว ได้ยินว่า โรหิตัสสฤษีนั้น ในเวลาไปภิกขาจาร เคี้ยวไม้ชำระฟัน ชื่อนี้คลดาแล้วบ้วนปากที่สระอโนดาดถึงอุตตรกุรุทวีปแล้วออกหาอาหาร นั่งที่ขอบปากจักรวาล ฉันอาหารณ ที่นั้น พักชั่วครู่ก็เหาะไปเร็วอีก
บทว่า วสฺสสตายุโก ได้แก่ ยุคนั้น เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุยืน. แต่โรหิตัสสฤษีนี้ เริ่มเดินทางเมื่ออายุเหลือ ๑๐๐ ปี
บทว่า วสฺสสตชีวี ได้แก่เป็นอยู่โดยไม่มีอันตรายตลอด ๑๐๐ ปีนั้น
บทว่า อนฺตราว กาลกโต ได้แก่ยัง ไม่ทันถึงที่สุดโลกจักรวาล ก็ตายเสียในระหว่าง ก็โรหิตตัสสฤษีนั้นแม้ทำกาละในภพนั้น ก็มาบังเกิดในจักรวาลนี้นี่แล
บทว่า อปฺปตฺวา ได้แก่ ยังไม่ถึงที่สุดแห่งสังขารโลก
บทว่า ทุกฺขสฺส ได้แก่ วัฏทุกข์
บทว่า อนฺตกิริยํ ได้แก่ การทำที่สุด
บทว่า กเฬวเร ได้แก่ ในอัตภาพ
บทว่า สสญฺญมฺหิ สมนเก ได้แก่มีสัญญา มีจิต
บทว่า โลกํ ได้แก่ ทุกขสัจ
บทว่า โลกสมุทยํ ได้แก่สมุทัยสัจ
บทว่า โลกนิโรธํ ได้แก่ นิโรธสัจ
บทว่า ปฏิปทํ ได้แก่มรรคสัจ ด้วยประการฉะนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ดูก่อนผู้มีอายุ เราไม่บัญญัติสัจจะ ๔ นี้ลงในหญ้าและไม้เป็นต้น แต่เราบัญญัติลงใน กายที่ประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้เท่านั้น
บทว่า สมิตาวี ได้แก่ สงบบาป
บทว่า นาสึสติ ได้แก่ ไม่ปรารถนา
จบ อรรถกถาโรหิตัสสสูตรที่ ๖
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
โรหิตัสสสูตร
(ว่าด้วยโรหิตัสสเทพบุตร)
โรหิตัสสเทพบุตร ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า ที่สุดแห่งโลกที่สัตว์ไม่เกิด ไม่แก่ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ นั้น บุคคลควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุถึงได้ ด้วยการเดินทาง ได้หรือไม่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบโรหิตัสสเทพบุตรว่า พระองค์ไม่กล่าวที่สุดแห่งโลกที่สัตว์ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่อุบัติ ว่า บุคคลควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุถึงได้ ด้วยการเดินทาง แล้วตรัสต่อไปว่า ถ้าหากว่าพระองค์ไม่บรรลุถึงที่สุดแห่งโลกแล้ว ก็จะไม่กล่าวถึงการกระทำที่สุดแห่งทุกข์เลย พระองค์ทรงบัญญัติโลก (ทุกขสัจจ์) ความเกิดแห่งโลก (สมุทยสัจจ์) ความดับแห่งโลก (นิโรธสัจจ์) และทางที่จะให้ถึงความดับแห่งโลก (มัคคสัจจ์) ในร่างกายมีประมาณวาหนึ่ง ซึ่งมีสัญญาและ มีใจ นี้เอง
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัญญาและใจ
ยินดีในกุศลจิตครับ