๑. สุราปานชาดก
โดย บ้านธัมมะ  15 ส.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 35458

[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 273

๙. อปายิมหวรรค

๑. สุราปานชาดก


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 273

๙. อปายิมหวรรค

๑. สุราปานชาดก

[๘๑] "พวกกระผมได้พากันดื่ม ได้ชวนกันฟ้อน พากันขับร้อง แล้วก็พากันร้องไห้ เพราะดื่มสุราที่ทำให้สัญญาวิปริต เห็นดีแต่ที่มิได้กลายเป็นลิงไปเสียเลย".

จบ สุราปานชาดกที่ ๑

อรรถกถาอปายิมหวรรคที่ ๙

อรรถกถาสุราปานชาดกที่ ๑

พระศาสดา ทรงอาศัยพระนครโกสัมพี ประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม ทรงปรารภพระสาคตเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "อปายิมฺห อนจฺจิมฺห" ดังนี้.

ความพิสดารว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจำพรรษา ณ กรุงสาวัตถีแล้ว ได้เสด็จจาริกไปจนลุถึงนิคมชื่อ ภัททวติกา พวกคนเลี้ยงโค เลี้ยงสัตว์ ชาวนาและพวกเดินทาง เห็นพระศาสดาเสด็จมาแล้ว พากันถวายบังคม พลางกราบทูลห้ามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า อย่าได้เสด็จไปสู่ท่าอัมพะเลย พระเจ้าข้า นาคชื่อ อัมพติฏฐกะ ที่อาศรมของชฎิล


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 274

ณ ท่าอัมพะ มีพิษร้าย จะเบียดเบียนพระองค์ได้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทำเป็นเหมือนไม่ทรงได้ยินถ้อยคำของคนเหล่านั้น ถึงเมื่อพวกนั้นกราบทูลห้ามอยู่ถึง ๓ ครั้ง ก็คงเสด็จไปจนได้ เล่ากันว่า ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับ ณ ไพรสณฑ์ตำบลหนึ่ง ไม่ห่างนิคมภัททวติกา ครั้งนั้นพระสาคตเถระเป็นพุทธอุปัฏฐาก ประกอบด้วยฤทธิ์อันเป็นของปุถุชน เข้าไปใกล้อาศรมนั้น ปูเครื่องลาดที่ทำด้วยหญ้า ณ ที่อยู่ของพญานาคนั้น แล้วนั่งขัดสมาธิ นาคทนดูความลบหลู่มิได้ ก็บังหวลควัน พระเถระก็บังหวลควันบ้าง นาคทำให้ไฟลุก พระเถระก็ทำให้ไฟลุกบ้าง เดชของนาคข่มพระเถระไม่ได้ เดชของพระเถระข่มนาคได้ ท่านกำหราบพระยานาคนั้นพักเดียว ก็ให้ดำรงในสรณะ ในศีลได้แล้ว ได้ไปสู่สำนักของพระศาสดา ด้วยประการฉะนี้ ฝ่ายพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ นิคมภัททวติกา ตามพระพุทธอัธยาศัยแล้ว ได้เสด็จไปสู่พระนครโกสัมพี เรื่องราวที่พระสาคตเถระกำหราบนาค แผ่ไปทั่วชนบท.

ฝูงชนชาวพระนครโกสัมพี กระทำการต้อนรับพระศาสดา พากันถวายบังคมพระองค์แล้ว ก็เลยไปสำนักพระสาคตเถระ ไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง พากันกล่าวอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ สิ่งใดที่พระคุณเจ้าได้ด้วยยาก นิมนต์บอกสิ่งนั้น พวกกระผมจะจัดถวายสิ่งนั้นจงได้ พระเถระก็นิ่งเสีย แต่ภิกษุฉัพพัคคีย์พากันพูดว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย สุราสีแดงดังสี


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 275

เท้านกพิราบ พวกบรรพชิตหาได้ยากนักและก็เป็นของชอบใจด้วย ถ้าพวกท่านเลื่อมใสพระเถระละก็ จัดสุราสีแดงดังสีเท้านกพิราบมาถวายเถิด พวกนั้นก็รับคำว่า ดีละ เจ้าข้า พากันกราบทูลพระศาสดา เพื่อทรงฉันในวันพรุ่งแล้ว พากันเข้าสู่พระนคร ต่างคนต่างจัดเตรียมสุราใส ที่มีสีแดงดังสีเท้านกพิราบไว้ที่เรือนของตนๆ ด้วยหวังว่า จักถวายแด่พระเถระ นิมนต์พระเถระไปแล้ว พากันถวายสุราใสทุกๆ เรือน พระเถระดื่มแล้ว เมาสุราเดินออกจากพระนคร ล้มลงที่ระหว่างประตู นอนบ่นพร่ำไป พระศาสดาทรงกระทำภัตรกิจแล้ว เมื่อเสด็จออกจากพระนคร ทอดพระเนตรเห็นพระเถระนอนด้วยท่าทางนั้น มีพระพุทธดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงช่วยประคองพระสาคตะไป ให้พวกภิกษุประคองไปสู่พระอาราม พวกภิกษุวางศีรษะของพระเถระ ณ บาทมูลของพระตถาคต แล้วให้ท่านนอน ท่านพระสาคตะกลับนอนเหยียดเท้าไปเฉพาะพระพักตร์พระตถาคต พระศาสดาตรัสสอบถามพวกภิกษุว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเคารพในเราตถาคต ที่สาคตะเคยมีในก่อนนั้น บัดนี้ยังมีอยู่หรือไร พวกภิกษุพากันกราบทูลว่า ไม่มี พระเจ้าข้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไรเล่ากำหราบพญานาคชื่อ อัมพติฏฐกะ พวกภิกษุกราบทูลว่า พระสาคตเถระ พระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ก็บัดนี้ สาคตะยังจะอาจเพื่อกำหราบงูปลา ได้หรือ กราบทูลว่า เรื่องนั้นไม่ได้แน่นอน พระเจ้าข้า ตรัสว่า


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 276

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดื่มสิ่งใดแล้วปราศจากความจำได้หมายรู้ อย่างนี้ สิ่งนั้นควรที่ภิกษุจะดื่มถึงเพียงนี้หรือไม่เล่า กราบทูลว่า ไม่ควรเลย พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตำหนิพระเถระแล้ว ทรงเรียกพวกภิกษุมา ทรงบัญญัติสิกขาบทว่า เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะดื่มสุราเมรัย แล้วเสด็จจากอาสน์เข้าพระคันธกุฎี ภิกษุทั้งหลายประชุมกันในธรรมสภา พูดถึงโทษของการดื่มสุราว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่า การดื่มสุรามีโทษใหญ่หลวง ถึงกับกระทำให้พระสาคตะผู้ได้นามว่า สมบูรณ์ด้วยปัญญา มีฤทธิ์ ไม่รู้แม้แต่คุณของพระศาสดา จึงได้กระทำอย่างนั้น พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไรเล่า เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกบรรพชิตดื่มสุราแล้ว พากันสลบไสล มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน ก็ได้เป็นแล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ ในแคว้นกาสี เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤาษี ได้อภิญญาและสมาบัติประลองฌาน พำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ แวดล้อมด้วยอันเตวาสิก ประมาณ ๕๐๐ ครั้นถึงฤดูฝน พวกอันเตวาสิกพากันเรียนท่านว่า ท่านอาจารย์ขอรับ พวกเราพากันไปแดนมนุษย์ บริโภคของ


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 277

เปรี้ยวๆ เค็มๆ แล้วค่อยมากันเถิด ฤๅษีพระโพธิสัตว์กล่าวว่า อาวุโส เราจะคอยอยู่ในที่นี้แหละ พวกเธอพากันไปบำรุงร่างกาย จนฤดูฝนผ่านไป แล้วจึงพากันกลับมาเถิด อันเตวาสิกเหล่านั้นรับคำว่า ดีแล้วขอรับ พากันกราบลาอาจารย์ไปสู่พระนครพาราณสี พักอยู่ในพระราชอุทยาน ครั้นวันรุ่งขึ้นก็พากันไปเที่ยวภิกษาจารในบ้านภายนอกประตูพระนคร ได้รับความเกื้อกูลอย่างดี รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง จึงพากันเข้าไปสู่พระนคร พวกมนุษย์พากันชื่นชมถวายภิกษา ล่วงมา ๒ - ๓ วัน ก็พากันกราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะ ฤาษี ๕๐๐ รูป พากันมาจากป่าหิมพานต์ พักอยู่ในพระราชอุทยาน มีตบะกล้า มีอินทรีย์อันชนะแล้วอย่างเยี่ยม มีศีล พระราชาทรงสดับคุณของฤๅษีเหล่านั้น เสด็จสู่อุทยาน ทรงนมัสการแล้วกระทำการปฏิสันถาร ผะเดียงให้อยู่ในพระอุทยานนั้นแหละตลอด ๔ เดือนฤดูฝน นับแต่นั้น ฤๅษีเหล่านั้นก็พากันฉันในพระราชวังแห่งเดียว พำนักอยู่ ณ พระราชอุทยาน.

อยู่มาวันหนึ่ง ในพระนครได้มีงานนักขัตฤกษ์ ชื่อว่า สุรานักษัตร์ พระราชาทรงพระดำริว่า สุรา พวกบรรพชิต หาได้ยาก จึงรับสั่งให้ถวายสุราอย่างดีเป็นอันมาก พวกดาบสดื่มสุราแล้ว พากันกลับไปอุทยาน ต่างก็เมาสุรา บางพวกลุกขึ้นฟ้อนรำ บางพวกขับร้อง ครั้นฟ้อนรำขับร้องแล้ว ก็พากันนอนหลับทับบริขาร มีไม้คานเป็นต้น พอสร่างเมา พากันตื่น เห็น


ความคิดเห็น 6    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 278

อาการอันวิปริตของตนนั้น ต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า พวกเรามิได้กระทำการอันสมควรแก่บรรพชิตเลย กล่าวกันว่า พวกเราจากท่านอาจารย์มา พากันกระทำกรรมอันเลวถึงเพียงนี้ ทันใดนั้นเอง ก็พากันทิ้งอุทยานกลับไปป่าหิมพานต์ เก็บบริขารไว้เรียบร้อยแล้ว พากันไหว้อาจารย์ นั่งอยู่แล้ว อันท่านอาจารย์ถามว่า พ่อคุณทั้งหลาย พวกท่านมิได้ลำบากด้วยภิกษา พากันอยู่สบายในถิ่นของมนุษย์หรือไฉน อนึ่งพวกเธอยังจะอยู่กันด้วยความสมัครสมานสามัคคีอยู่หรือ พากันกราบเรียนว่า ท่านอาจารย์ขอรับ พวกกระผมอยู่กันอย่างสบาย ก็แต่ว่า พวกผมพากันดื่มในสิ่งไม่ควรดื่ม สลบไสลไปตามๆ กัน ไม่อาจดำรงสติได้ พากันขับร้องฟ้อนรำตามเรื่อง เมื่อแจ้งเรื่องนั้นแล้ว ก็พากันยกคาถานี้เรียนอาจารย์ว่า.

"พวกกระผมได้พากันดื่ม ได้ชวนกันฟ้อน พากันขับร้อง แล้วก็พากันร้องไห้ เพราะดื่มสุราที่ทำให้สัญญาวิปริต เห็นดี (*ก็) แต่ที่มิได้กลายเป็นลิงไปเสียเลย" ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปายิมฺห แปลว่า พวกกระผมพากันดื่มสุรา.

บทว่า อนจฺจิมฺห ความว่า ครั้นดื่มสุราแล้ว ก็คะนองมือ คะนองเท้า พากันฟ้อนรำ.


ความคิดเห็น 7    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 279

บทว่า อคายิมฺหิ ความว่า เปิดปากร้องเพลงด้วยเสียงอันยืดยาว.

บทว่า รุทิมฺห จ ความว่า กลับมีวิปฏิสาร พากันร้องไห้ว่า พวกเราทำกรรมไม่สมควรเห็นปานนี้.

บทว่า ทิฏฺา นาหุมฺห วานรา ความว่า เหตุเพราะดื่มสุรา ที่ชื่อว่า กระทำให้สัญญาวิปริต เพราะทำลายสัญญาเสียได้ถึงเพียงนี้ ข้อนั้นยังดี ที่พวกข้าพเจ้าไม่กลายเป็นลิงไปเสียหมด พวกอันเตวาสิกเหล่านั้นพากันกล่าวโทษของตน ด้วยประการฉะนี้.

พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่า นรชนที่เหินห่างจากการอยู่ร่วมกับครู ย่อมเป็นเช่นนี้ได้ทั้งนั้น ตำหนิดาบสเหล่านั้น แล้วให้โอวาทว่า พวกท่านอย่ากระทำกรรมเห็นปานนี้ต่อไปอีก มีฌานไม่เสื่อม ได้ไปบังเกิดในพรหมโลกแล้ว.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า คณะฤๅษีในครั้งนั้น ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนศาสดาของคณะ ได้มาเป็นเราตถาคต ขอประกาศว่า นับแต่เรื่องนี้ไป จะไม่กล่าวถึงบทว่า อนุสนฺธิํ ฆเฏตฺวา นี้อีกต่อไป.

จบ อรรถกถาสุราปานชาดกที่ ๑