* หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว 7 วัน ได้ทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ทรงเห็นว่า "วัฏทุกข์ของสัตว์ทั้งสิ้นนี้ มีกิเลสเป็นมูล ขึ้นชื่อว่ากิเลสเหล่านี้เป็นปวัตติทุกข์ (ทุกข์ในปัจจุบัน) และเป็นเหตุแห่งทุกข์แม้ต่อไป เพราะฉะนั้น สัตว์เหล่านี้ จึงเดือดร้อนหม่นไหม้ เพราะกิเลสเหล่านั้น"
* วัฏทุกข์ คือ ทุกข์ในวัฏฏะ หมายถึง
- ความเกิด ความแก่ ความเจ็บความตาย ทุกข์ในอบายภูมิ ทุกข์มีการแสวงหาอาหาร เป็นต้น
- ทุกข์ที่แท้จริงก็คือ สภาพธรรม ที่เกิดดับตามเหตุปัจจัยอย่างรวดเร็วที่สุดในขณะนี้เอง (ได้แก่จิต เจตสิก รูป)
* ทุกข์ต่างๆ เหล่านี้ เกิดเพราะมีกิเลสเป็นเหตุทั้งสิ้น กล่าวคือ ทำให้เกิดทุกข์ในปัจจุบัน คือในขณะที่กิเลสเกิดกับจิต ก็ประทุษร้ายจิตในขณะนั้นทันที และกิเลสก็ยังทำให้กระทำอกุศลกรรม ที่สามารถให้ผลเป็นทุกข์ต่อๆ ไปอีกด้วย
* ดังนั้น สัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่ได้ดับกิเลส จึงเดือดร้อนหม่นไหม้ด้วยกิเลสทั้งกายและใจ
* ข้อความโดยตรงในอรรถกถาต่อไป มีว่า (ถ้าสนใจอ่านเพิ่มเติม)
- สัตว์โลก เมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริงถึงโรค ทุกข์ หรือเบญจขันธ์ กล่าวคือเวทนา (ความรู้สึก) ที่เกิดขึ้นเพราะผัสสะ (การกระทบ) เป็นปัจจัย ย่อมกล่าวโดยเป็นอัตตาว่าเราได้รับสุข รับทุกข์ ด้วยอำนาจการถือผิดด้วยสำคัญว่าเป็นเรา
- สัตวโลกเมื่อไม่รู้ตามเป็นจริงถึงทุกข์ตามที่กล่าวแล้วนั้น จึงกล่าวว่า ของตน ด้วยความสำคัญว่า ของเรา คือเปล่งวาจาว่า นี้ของเรา ด้วยการยึดถือด้วยอำนาจตัณหา
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ