จากการบรรยาย ชุด เทปวิทยุ ครั้งที่ 501
สำหรับทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม ทุกท่านมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ ท่านไม่ใช่เห็นอย่างเดียว โดยไม่ได้ยิน โดยไม่ได้กลิ่น โดยไม่ได้รู้รส โดยที่ไม่ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่เจริญสติ ขณะที่ตาเห็น ไม่รู้ลักษณะของนามและรูปทางตา จะชื่อว่าหลงลืมสติ หรือ เจริญสติ เมื่อไม่รู้ก็ชื่อว่า หลงลืมสติ ทางหู ถ้าท่านไม่รู้นามรูปทางหู จะชื่อว่าหลงลืมสติหรือ เจริญสติ ก็ต้องชื่อว่า ท่านหลงลืมสติอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านก็หลงลืมสติทางตา ทางหู พอถึงทางจมูก ก็จะไม่ระลึกรู้ จะระลึกเฉพาะบรรพเดียวในกายานุปัสสนาสติปัฏฐานเท่านั้น ไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงเลยท่านจะไม่ชื่อว่าเป็นผู้เจริญสติเลย ท่านจะเป็นผู้ที่ชื่อว่า หลงลืมสติทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ท่านก็จะมีการจดจ้องอยู่เฉพาะบรรพหนึ่งในสติปัฏฐานหมวดหนึ่ง ที่ท่านคิดว่า ถ้าท่านเพียงรู้สิ่งนั้น ท่านก็จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้โดยความเป็นจริงแล้ว ท่านเป็นผู้หลงลืมสติทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามปกติเลยไม่ชื่อว่าท่านเป็นผู้เจริญสติ ไม่ชื่อว่า เป็นผู้ที่รู้ยิ่ง
ขณะจดจ้องมิใช่สติ แต่เป็นโลภะที่ต้องการจดจ้อง แต่ไม่มีปัญญารู้เลยว่าเป็นธัมมะ สติเป็นอนัตตา แล้วแต่เหตุปัจจัยที่สติจะระลึกสภาพธัมมะใดก็ได้ดังนั้น จึงไม่มีการเลือกเจาะจง ว่าจะเจริญ กายยา เวทนา จิตตา และธัมมานุปัสสนา แต่แล้วแต่สตินะครับ ว่าจะระลึกเป็นไปในหมวดไหน เป็นเรื่องของการละตั้งแต่ต้นครับ
อนุโมทนา
" ...กาย (เวทนา จิต ธรรม) มีอยู่ ก็เพียงแค่อาศัยระลึกเท่านั้น..." เป็นข้อความสั้นๆ แต่ลึกซึ้งมากนะคะ เมื่อหลงลืมสติ ชีวิตในวันนึงๆ ก็เหมือนอยู่ในความฝัน เพราะความจริงไม่ปรากฎ
ขออนุโมทนาครับ