อ.สุจินต์ : ไม่เคยพบคุณพัชรกันย์มาก่อน แต่จากการที่ได้พบ พอรู้และเข้าใจว่า คุณพัชรกันย์ เป็นคนที่มีเหตุผล จึงได้สนทนาด้วยอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรู้ว่า คนที่เราสนทนาด้วย เป็นคนประเภทไหน? เป็นประเภทที่ไม่ฟังเหตุผลเลย อันนั้น ไม่สมควรพูดแน่นอน พูดไปก็ไร้ประโยชน์ และอีกอย่างหนึ่ง ใครก็ตามที่ไม่เห็นประโยชน์ พูดไป เสียเวลา เราจะไม่ทำสิ่งที่ไร้ค่า เสียเวลา อย่างนั้น เพราะทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่าสำหรับคนที่ได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราก็พูดสำหรับคนที่เขาสนใจ นี่ประการหนึ่ง ถ้าเป็นส่วนตัว
แต่ถ้าเป็นประการกว้างๆ เราจะไม่รู้เลยว่า ใครสนใจมากน้อยแค่ไหน ใครสะสมมาที่จะรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก อย่างคุณเชษฐ์สุดา เป็นต้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่พอฟังธรรมะ(ที่มูลนิธิฯ ได้เผยแพร่ออกไป) ก็รู้ว่านี่เป็นคำจริง เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่พูดเลย(ไม่เผยแพร่ออกไปเลย) คุณเชษฐ์สุดามีโอกาสจะได้ฟังไหม?
เพราะฉะนั้น ก็ผ่านไปในสังสารวัฏฏ์ อีกนานเท่าไหร่ ชาติหน้าเป็นใคร มีโอกาสจะได้ฟังไหม? อยู่ในอเวจีได้ไหม? เป็นสัตว์เดรัจฉานได้ไหม? หมดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ อีกนานเท่าไหร่ และระหว่างนั้น กิเลสสะสมมากขึ้นอีกเท่าไหร่ ยากที่จะไตร่ตรองเท่าไหร่ ก็เป็นโอกาสดีที่สุด ที่เห็นค่าจริงๆ ว่า รอไม่ได้
เพราะฉะนั้น ประโยชน์ที่จะทำในชาตินี้ ไม่คำนึงว่า ผู้พูดจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อะไร เพราะเป็นคำจริง ด้วยความหวังดี ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว
ติดตามบันทึกการสนทนาฉบับเต็ม ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :
ขออนุโมทนาครับ