ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านอาจารย์ แต่ว่าใครก็ตามที่มีฉันทะที่จะเจริญเมตตา และเมตตาก็ค่อยๆ เจริญขึ้นเรื่อยๆ เมตตานั้นเป็น "พรหมวิหาร" โดยความเป็นธรรมที่ไม่่มีโทษ เพราะอรรถว่า ประเสริฐ ลองคิดถึงคนไม่โกรธ เป็นคนประเสริฐใช่ไหมคะ ในทุกวันนี้ ถ้ามีใครซึ่ง อาจจะมีใครว่าร้าย กล่าวร้าย เข้าใจผิด หรือว่าแสดงกิริยาอาการต่างๆ แต่ผู้นั้นก็ยังไม่โกรธ ใครๆ ก็คงจะต้องเห็น ความเป็นคนประเสริฐ ของ คนที่ไม่โกรธ ด้วยเหตุนี้ เมตตาชื่อว่าเป็น ธรรมะ เครื่องอยู่อันประเสริฐ เพราะเป็นข้อปฏิบัติชอบในสัตว์ ทั้งหลาย คนที่อยู่ด้วยกัน ที่มีความสุข ผาสุกจริงๆ นี้ ก็ด้วยข้อปฏิบัติชอบ คือ เมตตา
เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เพียงท่องนะคะ และจะไม่ใช่เพียงรู้ แต่ว่าต้องปฏิบัติด้วย ท่านที่ท่องเมตตาได้ เคยพิจารณาจิตใจไหมคะว่า ยังไม่ชอบคนนั้นบ้าง ยังไม่ชอบคนนี้บ้างแต่ว่าท่องได้เรียบร้อย ทุกบรรทัด คล่องเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่การปฏิบัติ
สำหรับเมตตานั้น พวกพรหมทั้งหลาย มีจิตปราศโทสะ อยู่ฉันใด ผู้ประกอบด้วยเมตตาก็ฉันนั้น ย่อมเป็นอยู่ เสมอกับ พรหม ดังนั้น จึงตรัสเรียกว่า "พรหมวิหาร" ก็เพราะปราศจากโทษ โดย อรรถ ว่า ประเสริฐ
เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก แต่ทุกวันนี้ ที่ทะเลาะกัน ขัดแย้งกันฆ่ากัน ฯลฯ เพราะขาดคุณธรรม คือเมตตาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ เป็นข้อธรรมที่พยายามฟังอยู่เนืองๆ ระลึกถึงอยู่เนืองๆ ค่ะ เพราะตนเองเป็นคนขี้หงุดหงิด กะคนในครอบครัวยิ่งหงุดหงิดใส่กันบ่อย เพราะขาดเมตตาค่ะ ต้องหมั่นสร้างเหตุให้เมตตาเกิด เห็นโทษของโทสะ เห็นคุณของขันติ และฟังธรรมที่เกี่ยวกับการเจริญเมตตาเนืองๆ
ขออนุโมทนาครับ