ข้อความในสัมโมหวิโณธนี อรรถกถา วิภังคปกรณ์
"นอกจาก มรรค แล้วเครื่องนำออกอย่างอื่น ย่อมไม่มี แม้ มรรคนั้น มิใช่เครื่องนำออก ก็หาไม่ เพราะฉะนั้น มรรคนั้น บัณฑิตจึงรู้ว่า เป็นสัจจะ เพราะอรรถว่าเป็นเครื่องนำออกอย่างแท้จริง"
ทุกคนกำลังมีกิเลสสะสมมามากเหลือเกิน ก็อยากจะให้กิเลสนั้นหมดไป เบาบางไป แต่ว่าจะไม่มีหนทางอื่นเลย นอกจากมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น เพราะฉะนั้น เครื่องที่จะนำกิเลสทั้งหลายออกอย่างอื่นนอกจาก มรรค ไม่มีเลย หรือถ้าใครคิดว่าจะมีหนทางอื่น วิธีอื่นที่จะดับกิเลส แต่ว่าข้อความในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแสดงไว้โดยชัดเจนว่า...
เครื่องนำออกอย่างอื่น ย่อมไม่มี แม้ มรรค นั้น มิใช่เครื่องนำออก ก็หาไม่
ยังปฏิเสธกำกับไว้อีก ที่มรรคจะไม่ใช่เครื่องนำออกนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ละขณะที่สติเกิดระลึกในลักษณะของสภาพธรรมะ แล้วสังเกตุพิจารณาเพื่อที่จะแยกลักษณะของนามธรรม ซึ่งเป็นสภาพรู้ออกจากลักษณะของรูปธรรมที่ปรากฏนั่นเป็นหนทางที่จะเป็นทางนำกิเลสออกอย่างแท้จริง แต่ว่า
เพราะฉะนั้น มรรค นั้น บัณฑิตจึงรู้ว่า เป็นสัจจะ ต้องเป็นบัณฑิต เป็นผู้ฉลาด ถึงจะรู้ว่าหนทางที่จะละกิเลสนั้นมีหนทางเดียว
...จาก บารมีในชีวิตประจำวัน
บารมีในชีวิตประจำวัน ตอนที่ ๓๕
เครื่องนำออกจากทุกข์ของคนเราคือ ปัญญาในการพิจารณาสภาพธรรมตามความ เป็นจริง ในรูป นาม ใช่หรือไม่
ปัญญา ที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นปัญญาที่เกิดพร้อมกับสติปัฏฐานครับ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นก็เป็นมรรค แต่มีเพียงองค์ ๕ หรือบางครั้งมีวิรตีเจตสิกดวงใดดวงหนึ่งเกิดร่วมด้วยก็จะมีองค์ ๖ ครับ แต่ในขั้นนี้ยังเป็นเพียงโลกิยมรรคที่จะต้องอบรมเจริญต่อไป จนกว่าจะถึงโลกุตตรมรรค มรรคมีองค์ ๘ จะเกิดพร้อมกัน ซึ่งมีกำลังสามารถประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม มีนิพพานเป็นอารมณ์ และสามารถบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ