ดับอวิชชาได้ สังขารก็ไม่เกิด แปลว่าไม่มีความคิดปรุงแต่งเลยหรือ ผมรู้สึกแปลกใจว่า ผู้สิ้นกิเลสแล้ว จะไม่มีความคิดปรุงแต่งเลยหรือครับ
ตามหลักคำสอนเรื่องปฏิจจสมุปบาท คือ เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ คำว่าสังขารในที่นี้หมายถึงเจตนา ที่เป็นบุญหรือบาป (ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร) ดังนั้นผู้ดับอวิชชาได้แล้ว คือพระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นอาสวะกิเลสทั้งปวงแล้ว จิตของพระอรหันต์ ย่อมไม่มีการปรุงแต่ง เป็นบุญและบาป แต่จิตของท่าน มีการปรุงแต่ง ประเภทกิริยา (อัพยากตะ) คือท่านยังมี การเห็น การได้ยิน การรู้กลิ่น การรู้รส การกระทบสัมผัส และความคิดนึกปรุงแต่งเหมือนบุคคลทั่วไป แต่ไม่เป็นบุญและบาป (กุศลหรืออกุศล)
พระอรหันต์ ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท พระอรหันต์ มีเห็น มีคิดนึก แต่ไม่มีโลภะ คือความยินดีในการเห็นรูปสวยๆ จิตท่านไม่เป็นกุศล หรืออกุศล มีแต่กิริยา และวิบากเท่านั้นค่ะ ถึงแม้ว่าท่านจะแสดงธรรม ก็ไม่เป็นกุศล เป็นกิริยาจิต และวิบากจิต ท่านแสดงธรรมเพื่อสืบทอดศาสนา และเพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สังขาร มีหลายความหมาย ในปฏิจจสมุปบาท สังขาร หมายถึง เจตนาที่เป็นกรรม ซึ่งเป็นกุศลหรืออกุศล ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ คือไม่ใช่พระอรหันต์ จิตก็ย่อมเป็นไปใน
กุศลหรืออกุศลบ้าง แต่เมื่อดับความไม่รู้หมด (พระอรหันต์) เจตนาที่เป็นกรรม หรือจิตของท่าน ย่อมไม่เป็นไปทั้งอกุศลและกุศล แต่เป็นกิริยาจิตเท่านั้นครับ ดังนั้น สภาพธรรมที่ปรุงแต่ง ก็คือ เจตสิก พระอรหันต์ก็ยังมีสภาพธรรม ที่ปรุงแต่งคือ เจตสิกที่เกิดกับจิตอยู่ แต่ไม่เป็นไปในกุศลหรืออกุศลนั่นเองครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ยินดีในกุศลจิตค่ะ