ควรอ่านแนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๔๙๕ ตอนนี้ท่านอาจารย์อธิบายดีมากๆ
(สำหรับอัธยาศัยดิฉันค่ะ คนอื่นไม่ทราบ แต่อยากให้อ่าน)
ชุด แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1495
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจยิ่ง ที่ท่าน บอกว่า วันๆ หนึ่ง นั้น คนเราทุกข์ใจ มาก กว่าทุกข์กาย ทุกข์ใจเป็นประจำ ทุกข์กายบางที
ขอกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพยิ่ง
คิดไปตามการสะสม
ตามการปรุงแต่งของสังขารขันธ์
ที่เป็นธรรมทำหน้าที่คิดไป
อนุโมทนา
กราบอนุโมทนาค่ะ
อันนี้เรื่องทุกข์กาย ต้องขอกราบเรียนคุณหมอคุณพยาบาล ว่าเวลาทุกข์กายเป็นยังไงท่านเหล่านี้เห็นมาเยอะ หลายรูปแบบ หลายแนว ถ้าหากว่าพอที่จะมีคุณหมอหรือพยาบาล ช่วยอนุเคราะห์ด้วย เพราะบางครั้งทุกข์กายเกิดน้อยกว่า แต่ในโรงพยาบาลวันๆ มีแต่คนทุกข์กาย
เมื่อมีทุกข์กาย ควรคิดอย่างไร ควรคิดให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อเกิดทุกข์กายเป็นผลของกรรม และก็มีจิตดวงเดียวเท่านั้นคืออกุศลกายวิญญานที่มีเวทนาเป็นทุกข์กาย คนที่ได้รับการเจ็บปวดตามร่างกายหรือทุกข์อะไรก็แล้วแต่ก็เพราะจิตดวงนี้ ทีนี้ก็ต้องคิดอีกว่ายังมีทุกข์ใจ ซือก็บอกอยู่แล้วเป็นทุกข์ที่ไม่ใช่เกิดที่กายแต่ที่ใจ ก็มีจิตอีกสองดวง เป็นโทสมูลจิต ดวงหนึ่งเป็นอสังขาริก อีกดวงเป็นสสังขาริก มีเวทนาเป็นโทมนัส คือทุกใจ ทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็อยู่ที่จิตสามดวงนี้เท่านั้น ส่วนจิตอื่นๆ มีเวทนาเป็น สุข โสมนัส หรืออุเบกขาต่างๆ กันไป ทุกข์กายจะมีลักษณะอย่างไรก็แล้วแต่จะอยู่ในโรงพยาบาลหรือที่ไหนก็แล้วแต่ พร้อมทั้งทุกข์ใจด้วย ก็เป็นธรรมประเภทหนึ่ง เกิดแล้วก็ดับ รู้ว่าเป็นธรรม ความทุกข์ก็เบาบางลงได้เพราะไม่ยึดติด ผมก็เข้าใจและคิดอย่างนี้แหละ ครับ
ขอกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพยิ่ง
เมื่อทุกข์กายเกิด ก็คิดถึงกรรมที่เคยทำไว้ คิดถึงความไม่ประมาท คิดถึงความตาย คิดถึงการเจริญกุศลทุกอย่าง คิดถึงการฟังธรรม คิดถึงการอบรมปัญญา เพราะความทุกข์กาย หรือความเจ็บ เปรียบเหมือนเทวฑูตที่คอยเตือนให้ไม่ประมาททำความดีค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ