ความจริงโดยสมมติ ย่อมผันแปร
โดย nattawan  6 ส.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48249

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-สภาพธรรมะไม่ไกลเลย แต่ปัญญาที่จะรู้สภาพธรรมะนั้นแสนไกล

-ความจริงโดยสมมติ ย่อมผันแปร แต่อริยสัจจะ สภาพธรรมที่มีจริง ไม่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เช่น ลักษณะของโทสะไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลภะ

บ้านธัมมะ ๑๕ ก.ค. ๕๒



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

-สิ่งที่ควรรู้และควรคิดตามที่เป็นจริง คือ สิ่งที่ปรากฏ

-ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว และไม่คำนีงถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วย จึงจะละคลายสภาพธรรมะที่เป็นเราได้

บ้านธัมมะ ๘ ก.ค. ๕๒


ความคิดเห็น 2    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

-ชื่อปิดบังสิ่งทั้งปวง รู้มากๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมตามที่เป็นจริง

-ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริง ธรรมที่เป็นกุศลธรรม ธรรมที่เป็นอกุศลธรรม และธรรมที่ไม่เป็นกุศลและอกุศล คือ อัพยากตธรรม เช่น เสียง ขณะที่เป็นผลของกุศลและอกุศล (วิบาก)

-กรรม คือ สภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือ เจตนา เป็นความจงใจ ขวนขวายกระทำ เจตนาที่เกิดกับกุศลจิต เป็นกุศลเจตนา เป็นเหตุดี เป็นปัจจัยให้เกิดผลดี เจตนาที่เกิดกับอกุศลจิต เป็นอกุศลเจตนา เป็นเหตุไม่ดี เป็นปัจจัยให้เกิดผลที่ไม่ดี และจิตที่เป็นวิบาก (ผลของกรรม) เช่น ขณะเห็นก็มีเจตนาเกิดด้วย ไม่ใช่กุศลและอกุศล เป็นอัพยากตกรรม

-ไม่มีชื่อก็เป็นธรรมะ อย่าเอาชื่อมาปิดบังลักษณะของสภาพธรรมะ

บ้านธัมมะ ๒๔ มิ.ย. ๕๒


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

-"สิ่งใดที่มี นั่นแหละเป็นอนัตตา" เพราะไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นธรรมะ เป็นอนัตตา (สิ่งที่มี คือ โลกียะ ๓ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป และโลกุตตระ ๑ คือ นิพพาน)

- "แสนโง่" แม้สภาพธรรมะปรากฏก็ไม่รู้ (อวิชชา) และไม่อยากจะรู้ด้วย (ประมาท) เพราะไม่มีศรัทธา ก็อยู่ในความมืด จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจธรรมะขึ้น

-ธรรมะแต่ละอย่างปรากฏเพียงชั่วคราว สั้นแสนสั้น แล้วความไม่รู้ก็ทำให้ไม่เห็นจริงว่าสิ่งนั้นเกิดแล้วดับ แต่การเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏเป็นนิมิต รูปร่างสัณฐานให้จำไว้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งความจริง สิ่งนั้นเกิดแล้วดับ แต่ว่าเกิดดับสืบต่อซ้ำในลักษณะที่ปรากฏเหมือนเป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ดับเลย นี่คือความไม่รู้ นี่คือความมืดสนิท จนกว่าจะมีการฟังพระธรรม เริ่มเข้าใจจากการฟัง จนกว่าจะประจักษ์ความจริงของธรรมะ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ

- ฉลาดไหมที่ยึดถือสภาพที่ไม่ใช่ของเรา ว่าของเรา สภาพที่ไม่ใช่เรา ว่าเป็นเรา???

บ้านธัมมะ ๑๗ มิ.ย. ๕๒


ความคิดเห็น 4    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

-ถ้าไม่มีจิต โลกนี้ไม่ปรากฏ โลกจริงๆ คือ แต่ละคน จิต เจตสิก รูป ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ ทุกคนเป็นโลกแต่ละโลก

-โลก ๖ ทาง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

-แต่ละจิต แต่ละคน เป็นแต่ละโลก ทุกคนยังมีกิเลสอยู่หรือเปล่า กิเลสมืด ไม่รู้ความจริงขณะนั้นได้ เพราะอกุศลทั้งหมดมืด โลกมืดเพราะกิเลส

-อกุศลเป็นโทษที่ควรละอย่างยิ่ง

-ยังมีกิเลสมาก แต่ค่อยๆ ละได้ด้วยการฟังธรรม ค่อยๆ ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

บ้านธัมมะ ๑๐ มิ.ย. ๕๒


ความคิดเห็น 5    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

-เสียงเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ได้ยินก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ติดข้องหรือขุ่นเคืองในเสียง ก็เป็นสภาพธรรมอีกอย่างหนี่ง เป็นคนละขณะๆ สรุป สิ่งที่มีจริงคือสภาพธรรมที่มีลักษณะที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

-มีเพราะความคิด ถ้าไม่คิดก็ไม่มีอะไร ความจริงคือความคิดแต่ละขณะ

-สิ่งใดที่มีจริงๆ คือธรรมะ ทุกสิ่งที่มีจริงๆ คือธรรมะ เพียงแต่ไม่สนใจที่จะเข้าใจให้มากขึ้น ตั้งแต่เกิดจนตาย รู้จักความจริงอะไรของธรรมะบ้าง?

-สิ่งที่มีจริงเป็นของใคร เป็นของชนชาติหนึ่งชาติใดหรือเปล่า?

-ธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง แต่ไม่รู้เพราะอวิชชาปกปิดไว้

-ฝันไม่ใช่เรา แต่เป็นจิตคิดนึกในขณะที่ไม่มีสิ่งใดปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่มาจากความจำ ปรุงแต่งนึกคิดเป็นเรื่องราวที่ฝัน เห็นไม่ใช่ฝันเพราะมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ได้ยินไม่ใช่ฝันเพราะมีเสียงปรากฏ ... คืนนี้จะฝันเรื่องอะไร คือคืนนี้จะคิดนึกเรื่องอะไร

- ถ้าไม่มีปัญญา พรุ่งนี้ก็จะมีอกุศลมากกว่าวันนี้

บ้านธัมมะ พ.ค.๒๕๕๒


ความคิดเห็น 6    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

ถึงแม้จะยากหรือน่าเบื่อสำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มต้นหรือศึกษามานานแล้วก็ตาม แต่มีความอดทน และวิริยะอุตสาหะค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ก็จะพบว่าพระธรรมนั้นยากมากแต่ก็สามารถเข้าใจได้ และเมื่อพอเข้าใจขึ้น จะซาบซึ้งและศรัทธาในพระปัญญาคุณของพระพุทธองค์เป็นอย่ายิ่ง

ธรรมทัศนะ


ความคิดเห็น 7    โดย nattawan  วันที่ 6 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

ภาพ อ.คำปั่น อักษรวิลัย


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 6 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ