จิตตชรูป
จิตฺต (จิต) + ช (การเกิด) + รูป (สภาพที่ไม่รู้อารมณ์)
รูปที่เกิดจากจิต หมายถึง รูป ๑๕ รูป คือ
อวินิพโภครูป ๘
วิการรูป ๓
วิญญัติรูป ๒
สัททรูป ๑
ปริจเฉทรูป ๑
ซึ่งเกิดจากจิตเป็นปัจจัย
จิตที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปได้มี ๗๕ ดวงเท่านั้น เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ อรูปวิบาก ๔ (จิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะจิตในขณะปฏิสนธิกาลมีกำลังอ่อน จุติจิตของพระอรหันต์ก็ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นความสิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ หมดความสืบต่อของนามและรูปทั้งปวง)
- อวินิพโภครูป ๘ ปริเฉทรูป ๑ เกิดได้จากสมุฏฐานทั้ง ๔
- วิการรูป ๓ เกิดได้จากสมุฏฐาน ๓ (เว้นกัมมสมุฏฐาน)
- วิญญัติรูป ๒ เกิดได้จากจิตตสมุฏฐานอย่างเดียว
- สัททรูป เกิดได้จาก ๒ สมุฏฐาน คือ จิตตสมุฏฐาน และอุตุสมุฏฐาน
ขออนุโมทนาค่ะ...
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
รบกวนสอบถาม ช่วยยกตัวอย่างในชีวิตจริง ว่ารูปที่เกิดเพราะจิต เป็นปัจจัย เป็นรูปอะไร เหตุที่เกิดเพราะอะไร
ขอบคุณค่ะ
รูปซึ่งเกิดเพราะจิต ชื่อว่า “จิตตชรูป” ในรูป ๒๘ รูป รูปที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน ๔ รูป หรือ มหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ขณะนี้กำลังเกิด ทุกคนที่มีกาย ที่ร่างกายของทุกคนมีจิตตชรูปเกิด เพราะจิตเกิดขณะใดเป็นปัจจัยให้จิตตชรูปเกิดพร้อมกันในอุปาทขณะ เว้นจิต ๑๔ ดวง คือ ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ อรูปาวจรวิบาก ๔
ขอเชิญรับฟัง...
จิตตชรูป 15 ในรูป 28
อนุโมทนาสาธุค่ะ
อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 6 โดย กัญญารัตน์
รบกวนสอบถาม ช่วยยกตัวอย่างในชีวิตจริง ว่ารูปที่เกิดเพราะจิต เป็นปัจจัย เป็นรูปอะไร เหตุที่เกิดเพราะอะไร
ขอบคุณค่ะ
จิตตชรูป
(เมื่อจำแนกจิตตชรูปโดยกลาปแล้ว ได้ ๖ กลาป ดังนี้คือ) รูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐานมี ๖ กลาป คือ (ข้อความจาก ปรมัตถธรรมสังเขป ฯ)
จิตตชรูป
รูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน มี ๖ กลาป คือ
๑. สุทธัฏฐกกลาป เป็นกลาปที่มีแต่อวินิพโภครูป ๘ รูปเท่านั้น ไม่มีรูปอื่นๆ เกิดร่วมด้วยเลย
เมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดสืบต่อ จิตตชรูปที่เป็นสุทธัฏฐกกลาปเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของปฐมภวังคจิต และทุกอุปาทขณะของจิต เว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง ซึ่งไม่มีกําลังพอที่จะเป็นสมุฏฐานให้เกิดรูปได้
จิตที่ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูปมี ๑๖ ดวง คือ อรูปฌานวิบากจิต ๔ ดวง ปฏิสนธิจิต ๑ ดวง ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ ดวง จุติจิตของพระอรหันต์ ๑ ดวง รวม ๑๖ ดวง
อรูปฌานวิบากจิต ๔ ดวง ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูปเลย เพราะเป็นผลของอรูปฌานกุศล ซึ่งเห็นโทษของรูปว่าเป็นธรรมที่เกื้อกูลแก่กิเลส จึงเจริญอรูปฌานกุศลซึ่งไม่มีรูปใดๆ เป็นอารมณ์เลย เมื่ออรูปฌานวิบากทํากิจปฏิสนธิในอรูปพรหมภูมิ จึงไม่เป็นปัจจัยให้รูปใดๆ เกิดเลยทั้งสิ้น
ปฏิสนธิจิตไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูป เพราะเป็นจิตขณะแรกในภพภูมิหนึ่ง จึงยังไม่มีกําลังพอที่จะเป็นสมุฏฐานให้เกิดจิตตชรูปได้
จุติจิตของพระอรหันต์ไม่เป็นสมุฏฐานให้เกิดรูป เพราะเป็ฯจิตดวงสุดท้ายของสังสารวัฏฏ์ซึ่งสิ้นสภาพความเป็นปัจจัยที่ทําให้รูปเกิดได้
๒. กายวิญญัตินวกกลาป กลุ่มของกายวิญญัติรูปซึ่งมีรูปรวมกัน ๙ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + กายวิญญัติรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปแสดงความหมาย
๓. วจีวิญญัติสัทททสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๐ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วจีวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่เป็นสมุฏฐานของเสียง คือ วาจา
๔. ลหุตาทิเอกาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๑ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปเป็นไปในอิริยาบถต่างๆ
๕. กายวิญญัติลหุตาทิทวาทสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ + วิการรูป ๓ + กายวิญญัติรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้รูปเป็นไปในอิริยาบถต่างๆ ที่แสดงความหมาย
๖. วจีวิญญัติสัททลหุตาทิเตรสกกลาป กลุ่มของรูปรวมกัน ๑๓ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘+ วิการรูป ๓ + วจีวิญญัติรูป ๑ + สัททรูป ๑ ย่อมเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่ต้องการให้เกิดเสียงพิเศษที่ต้องอาศัยวิการรูปจึงจะเกิดเสียงนั้นๆ ที่ฐานของเสียงได้
จิตตชกลาป ทุกกลาปต้องเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตที่เป็นสมุฏฐานให้จิตตชกลาปนั้นเกิด จิตตชกลาปจะไม่เกิดในฐีติขณะและภังคขณะของจิตเลย
ขออนุโมทนาครับ