ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านที่ได้ตอบคำถามทุกข้อได้สอบถามมา รู้สึกว่าท่านอาจารย์ต้องเสียสละเวลาอันมีค่ามาตอบปัญหาแก่ผู้ไม่รู้ทั้งหลาย เลยสงสัยว่าอาจารย์เกิดความเบื่อหน่ายไหมครับ เพราะสังเกตว่าคำถามค่อนข้างจะซ้ำไปซ้ำมา
การแสดงข้อความธรรมะเพื่อให้ผู้อื่นเกิดความรู้ ความเข้าใจ ชื่อว่าการให้ธรรมะเป็นทาน บัณฑิตมีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ทรงสรรเสิญการให้ธรรมเป็นทานว่าเลิศคือ สูงสุดกว่าการให้ทั้งหลาย ขณะที่ผู้ตอบค้นคว้าในพระไตรปิฎกและอรรถกถาทำให้เข้าใจพระธรรมมากยิ่งขึ้น นี้เป็นอานิสงส์แห่งการศึกษาพระสัทธรรมอันประเสริฐ เพื่อการถึงฐานะอันประเสริฐ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 325
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพํ รสํ ธมฺมรโส ชินาติสพฺพํ รตึ ธมฺมรตี ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชนาติ.
" ธรรมทาน ย่อมชนะทานทั้งปวง, รสแห่งธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง, ความยินดีในธรรม ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง, ความสิ้นไปแห่งตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง."
ให้สิ่งที่พอใจ ย่อมได้รับสิ่งที่พอใจ
ให้ธรรม ย่อมเข้าถึงธรรม
ขออนุโมทนา
ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อสะสมปัญญา และความดีไว้ภพหน้า จนกว่าจะสิ้นอาสวะกิเลสค่ะ
การศึกษาธรรม ไม่ใช่เพื่อ ลาภ สักการะ ชื่อเสียง แต่เพื่อการขัดเกลากิเส เพื่อละความไม่รู้ เพื่อดับทุกข์ในอนาคตไม่เกิดอีกเลย
พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงมาแล้วกว่า ๒๕๐๐ ปี ถ้าจะนับการเวียนตายเกิดในภพภูมิที่ เป็นมนุษย์แล้ว ตายเกิดมาแล้วก็ปาเข้าไป ๓๐ ครั้งได้ คิดว่านานไหมครับ เรายังคงจำความได้หรือไม่ ภพชาติปัจจุบันนี้ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม หรือได้ศึกษาพระธรรม พบพระธรรม ย่อมได้สั่งสมมาจากอดีตชาติ และยังคงต้องสั่งสมไปอีก ตราบจนดับกิเลสและกองทุกข์ทั้งมวลโดยหมดสิ้น ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ในภพชาตินั้นๆ นับประมาณมิได้ ไม่รู้อีกเมื่อไร แต่ก็ต้องเพียรพยามยาม ท่านอาจารย์ทุกท่านและสมาชิกผู้ทรงภูมิความรู้ ที่ได้ตอบกระทู้ และไขข้อข้องใจ ในคำถามที่ผ่านมา ทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ท่านไม่มีวันเบื่อหน่ายครับ ทุกท่านพร้อมยินดีที่จะตอบให้เสมอไม่มีวันเหนื่อย ท่านจะยินดีมากที่ได้ให้ความรู้ในทางธรรม กับผู้ที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ และผู้ที่รู้อยู่แล้วให้ยิ่งๆ รู้เพิ่มขึ้นอีก การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง เหมือนเราหยดน้ำใส่โอ่ง ไม่รู้ว่าจะเต็มเมื่อไร ก็ต้องมี ความเพียร เหมือนกับการสั่งสมความรู้ในพระธรรม ถ้าถึงภพชาตินั้นๆ แล้ว ย่อมถึงนิพพานเป็นที่สุด อย่าท้อครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตแด่กัลยาณมิตรทุกท่านครับ
ขอความเจริญจงมีในธรรม พระผู้มีพระภาคฯ ทรงตรัสว่า ธรรมะทั้งหลายล้วนเป็นอนัตตา
กราบอนุโมทนาด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
สัทธัมจะเจริญหรือเสื่อม ก็จากสาวกที่สิกขาพระธรรมวินัยที่ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ให้เกิดปัญญา (เข้าใจ) เจริญขึ้นๆ แล้ว สาธยายให้ผู้อื่นเกิดปัญญา เป็นการรักษาพระพุทธศาสนามิให้เลือนหายไป
มูลนิธินี้ชื่อว่า ศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา จริงๆ
ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กรุณาบรรยายและตอบปัญหาธรรมะอย่างต่อเนื่องมากว่า ๕๐ ปีแล้วครับ เป็นข้อพิสูจน์ถึงความเมตตาและความรู้ของท่านได้อย่างดี
ขอเชิญศึกษาชีวประวัติของท่านอาจารย์ได้ที่นี่ครับ
//dhammahome.com/webboard/topic/358
ขออนุโทนาทุกท่าน ที่มีความสนใจที่จะศึกษาพระธรรมอันประเสริฐ
เหนื่อยเพราะบาปมามาก ไม่เคยบ่น เหนื่อยกุศลทำไปไม่หวังผลให้คนอื่นเข้าใจธัมมะละตัวตน อนุโมทนาทุกๆ คนที่สนใจพระธรรม
"เบื่อหน่าย" ก็เป็นธรรมะ ผู้ที่ยังไม่ประจักษ์ในสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ในขณะนี้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผู้ที่ยังไม่ถึงญาณขั้นต่างๆ ผู้ที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ล้วนต้องเคย "เบื่อ" ขณะนี้ก็อาจจะ "เบื่อ" ได้ และยังมีปัจจัยให้เกิด
"เบื่อ" อีกในอนาคต ถ้ายังไม่ได้ดับกิเลส แต่ "เบื่อ" ของผู้มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน
กับ "เบื่อ" ของผู้ไม่เคยเจริญสติปัฏฐานแตกต่างกันด้วย "ปัญญา" ขณะที่ปัญญาเกิด
ขณะนั้นไม่ประกอบด้วยอาการ "เบื่อ" ที่เป็นอกุศล คือ โทสมูลจิต แน่นอนครับ