หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๗๓๘]
อดทนไหม?
คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้งสุดที่จะประมาณได้ ยิ่งเข้าใจยิ่งเห็นความลึกของสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ขณะนั้นก็จะเริ่มมีสัจจบารมี ไม่เปลี่ยนคำพูดกับความจริงที่พระองค์ตรัสรู้แล้ว แต่ความจริงกำลังมีเดี๋ยวนี้ยากที่จะรู้ได้ ต้องอาศัยความอดทนขันติบารมีมากมายมหาศาลแค่ไหน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก่อนที่จะได้ตรัสรู้ ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ โพธิคือความรู้ความจริง สัตว์คือผู้ที่ข้องอยู่ ไม่ลืมไม่เว้นที่จะรู้ว่าความจริงเดี๋ยวนี้คืออะไร เพราะฉะนั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีทุกอย่างคุณความดีทุกอย่าง เพราะว่าอกุศลความไม่ดีไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น กว่าพระองค์จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังจากที่ได้รับคำพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ทรงบำเพ็ญพระบารมีสี่อสงไขยแสนกัปป์ แล้วเราเริ่มฟังคำของพระองค์หรือเปล่า เหมือนขณะที่พระองค์ได้เริ่มฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ หลังจากที่พยากรณ์แล้ว ๒๔ พระองค์ จึงสามารถที่จะได้รู้ความจริงตามที่ได้ฟังตามที่ได้อดทนตามที่ได้บำเพ็ญเพียรเพื่อที่จะรู้ความจริงซึ่งกำลังมีเดี๋ยวนี้เอง
เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะค่อยๆ เริ่มเข้าใจพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ไม่เปลี่ยน เพราะเป็นความจริงทุกคำถึงที่สุดที่สามารถจะค่อยๆ เข้าใจได้ แต่กว่าจะรู้อย่างนั้นนานไหม? นานเท่าไหร่? เห็นไหม? เริ่มละความหวัง เพราะความหวังทำให้ทำสิ่งที่ผิด หวังจะรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ง่ายมากไปสำนักปฏิบัติ นั่ง นอนบ้าง ยืน เดินบ้าง ดูโน่น ดูนี่ ดูลมหายใจบ้าง แล้วคิดว่าจะรู้ความจริง เป็นไปได้ไหม? ไม่ต้องมีใครบอกให้ ตัดสินให้ แต่คิดเอง เป็นไปได้หรือ? ไม่รู้อะไรสักอย่างเดียว อาจจะรู้นิดๆ หน่อยๆ โน่นเป็นรูป นี่เป็นนาม แต่เดี๋ยวนี้ ความรู้อยู่ไหน? ถ้าไม่มีขณะนี้จะไปถึงขณะนั้นได้อย่างไรที่จะมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นจนสามารถรู้ว่าเดี๋ยวนี้ความจริงคืออะไร
เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องอดทนมาก ต้องมีสัจจะตรงต่อความเป็นจริง มีวิริยะที่จะไม่ท้อถอย แล้วแต่ มีโอกาสที่จะได้ฟังเมื่อไหร่ ไม่พลาดโอกาสที่จะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือ โอกาสที่จะได้ฟังความจริงที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละน้อย ด้วยความอดทนอย่างยิ่ง อดทนนี่ ไม่ใช่เพียงอดทนที่จะรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าอะไร อดทนไหม ถ้ามีใครว่า? ไม่โกรธ เห็นใจ เขาไม่รู้ การกล่าวร้ายคนอื่น ต้องมีจิตที่ประทุษร้ายคนที่ถูกกล่าวร้ายแน่นอน ยังทำได้ เห็นไหม? เพราะฉะนั้น อดทน ที่จะไม่โกรธ ที่จะไม่ทำร้ายคนอื่น แม้ด้วยวาจา กว่าจะดับกิเลสหมด คิดดู
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็จะไปหมดกิเลส แต่เดี๋ยวนี้อะไรก็ไม่รู้ แล้วจะไปดับกิเลสได้อย่างไร เห็นสิ่งที่น่าชอบใจ ไม่อดทนจนกระทั่งสามารถที่จะเอาของคนอื่นมาเป็นของตนได้ สารพัดทุกอย่างที่เป็นความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เพราะฉะนั้น ประเสริฐที่สุด เมื่อกล่าวว่าเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด ต้องสูงสุดจริงๆ คือ ประพฤติปฏิบัติตาม แต่ต้องเข้าใจจากการฟังพระธรรมก่อน มิฉะนั้นก็ปฏิบัติตามไม่ได้แน่นอน ต้องปฏิบัติผิด เพราะว่า ผู้ที่ปฏิบัติเข้าใจว่าตัวเองสามารถรู้ความจริงได้ในเวลาที่เล็กน้อยมาก แต่เดี๋ยวนี้รู้อะไรหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องฟัง ด้วยการไตร่ตรองเพื่อที่จะรู้ความจริง
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย