ศักดิ์สิทธิ์
โดย วิริยะ  14 ก.ย. 2555
หัวข้อหมายเลข 21729

ขอเรียนถามว่า ในพระพุทธศาสนา หรือในพระไตรปิฎก มีการใช้คำๆ นี้หรือไม่

ถ้ามีอยากทราบว่า คำนี้หมายความว่าอย่างไร

ขอบพระคุณอย่างสูง



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า ศักดิ์สิทธิ์

- โดยทั่วไปหมายถึง สิ่งน่าควรศรัทธา น่าเชื่อถือ และนำมาซึ่งสิ่งที่ควรได้ ซึ่งในพระไตรปิฎกก็มีใช้คำนี้เช่นกันครับ

แสดงโดย ใช้กับความเห็นผิดที่มีคนบูชา จอมปลวก ต้นไม้ ที่สำคัญว่า ศักดิ์สิทธิ์ คือ น่าเลื่อมใส น่าเคารพ และจะนำสิ่งที่ดีๆ มาให้ เพราะ ในความเป็นจริง ต้นไม้ จอมปลวก ไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำมาซึ่งความเลื่อมใส น่าศรัทธา และจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีๆ ที่ได้ตามปรารถนา ครับ นี่คือ การแสดงโดยนัย ความศักดิ์สิทธิ์ ประการหนึ่ง ที่ใช้ในความเห็นผิดในพระไตรปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 436

เหมือนอย่างที่ว่า จอมปลวก พระเจดีย์ และต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น คนบางพวก บูชาด้วยดอกไม้ของหอม ธูปและผ้า เป็นต้น


- อีกนัยหนึ่ง แสดงคำว่า ศักดิ์สิทธิ์ไว้

ที่หมายถึง การที่ควรเคารพ น่าเชื่อถือ น่าเลื่อมใส ดังเช่น เทพธิดา ผู้มีฤทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะ เป็นผู้ที่ควรเคารพในคุณความดี ที่ได้ทำให้เกิดเป็นเทวดา แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่จะบันดาลอะไรมาให้

เพราะฉะนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ในพระไตรปิฎก จึงมุ่งหมายถึง สิ่งที่ควรเคารพ น่าเลื่อมใส ครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 230

๓. ปัลลังกวิมาน

ว่าด้วยปัลลังกวิมาน

[๓๑]  พระมหาโมคคัลลานเถระ ถามนางเทพธิดานั้นด้วยคาถา ความว่า

ดูก่อนนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านอยู่บนที่นอนใหญ่เป็นบัลลังก์อันประเสริฐ อันบุญกรรมตกแต่งให้วิจิตร ด้วยแก้วมณีและทองคำ โรยดอกไม้ไว้เกลื่อนกล่น อนึ่ง รอบๆ ตัวท่าน เหล่านางเทพอัปสร มีร่างสมทรง แผลงฤทธิ์ได้ต่างๆ ฟ้อนรำ ขับร้อง ให้ท่านร่าเริง บันเทิงใจอยู่เป็นนิจ ท่านเป็น นางเทพธิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์อานุภาพมาก


- อีกนัยหนึ่งในพระไตรปิฎก ก็แสดงคำว่า ศํกดิ์สิทธิ์ ไว้อีกเช่นกัน ซึ่งมุ่งหมายถึงศักดิ์สิทธิ์ คือ การนำมาซึ่งสิ่งที่ดี และแก้สิ่งที่ไม่ดีได้ เช่น ยาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือ ยาที่แก้สิ่งที่ไม่ดี คือ โรคร้ายได้ ยาที่นำมาซึ่งสิ่งที่ดีๆ เป็นยาที่เป็นขนานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่ง หากได้อ่านพระสูตรที่ผมยกมา ก็จะรู้ว่า ยาขนานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ พระธรรม ของพระพุทธเจ้า ที่แก้โรค คือ กิเลส ที่แก้ได้ยาก พระธรรมจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในความหมาย คือ ควรเคารพ บูขาด้วยกุศล ที่ไม่ใช่เพื่อการขอให้ได้ลาภ สักการะ แต่เป็นสิ่งศักด์สิทธิ์ ควรบูชาด้วย กุศลจิตของผู้นั้นเองที่เข้าใจพระธรรม ควรค่าแก่การเลื่อมใส จึงชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์ และ ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความหมายที่ว่า นำมาซึ่งสิ่งที่ดี แก้สิ่งที่ไมดี คือ นำมาซึ่งปัญญา และ ละคลาย แก้กิเลส ที่แก้ได้ยาก จึงศักดิ์สิทธิ์ ครับ

ดังข้อความในพระไตรปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 289

ข้าพระองค์ ถูกไฟ ๓ กองเผาลน จึงแสวงหาความรอดพ้น ดุจผู้ต้องราชทัณฑ์ฉะนั้น ชายผู้กล้าหาญถูกยาเบื่อ เขาจะเสาะแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ ที่จะแก้ยาเบื่อรักษาชีวิตไว้ เมื่อแสวงหาก็จะพบยาขนานศักดิ์สิทธิ์ที่แก้ยาเบื่อได้ ครั้นดื่มยานั้นแล้วก็จะสบาย เพราะรอดพ้นไปจากพิษยาเบื่อ ฉันใด ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นเหมือนนรชนผู้ถูกยาเบื่อ ถูกอวิชชาบีบคั้นแล้ว ต้องแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือ พระสัทธรรม เมื่อแสวงหายาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือพระธรรม ก็ได้พบคำสั่งสอนของพระศากยมุนี คำสั่งสอนนั้นล้ำเลิศกว่าโอสถทุกอย่าง บรรเทาลูกศรทั้งมวลได้ ครั้นดื่มธรรมโอสถ ที่ถอนพิษทุกอย่างได้แล้ว ข้าพระองค์ก็สัมผัสพระนิพพาน ที่ไม่แก่ไม่ตาย มีภาวะเยือกเย็น

จึงสรุปได้ว่า คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีในพระไตรปิฎก มุ่งหมายถึง สิ่งที่ควรเคารพ ควรเลื่อมใส และนำมาซึ่งสิ่งที่ดี แก้สิ่งที่ไม่ดี แต่เมื่อผู้ที่ไม่รู้ เอามาใช้ผิดๆ ก็สำคัญสิ่งที่ควรเลื่อมใส และจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีว่า เป็น เทวดา ต้นไม้ ว่าควรเลื่อมใส จะนำมาซึ่งสิ่งที่ดี ด้วยการขอ เพื่อให้ได้ลาภ สักการะ ซึ่งไม่มีใครทำให้ได้ นอกจากกรรมของตนๆ ที่ทำเท่านั้น

ส่วน ความศักดิ์สิทธิ์ ในความหมายที่ควรเลื่อมใส คือ คุณความดีของบุคคลต่างๆ มี เทวดา เป็นต้น และ ความศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำมาซึ่งสิ่งที่ดี แก้สิ่งที่ไม่ดี หมายถึง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่จะแก้ไข กิเลส ที่สะสมมานาน ยากที่จะละได้ และ ศักดิ์สิทธิ์ ที่นำมาซึ่งสิ่งที่ดี คือ กุศลธรรมและปัญญา อันเป็นไปเพื่อละกิเลส เพราะฉะนั้น สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ พระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ควรแก่การเคารพน่าเลื่อมใส โดยอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็ชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสรณะแล้ว โดยที่ไม่ต้องแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นเลย เพราะ ความเข้าใจพระธรรม หรือ ปัญญา ที่เกิดจากการศึกษาพระธรรม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐ เพราะเป็นไปเพื่อละกิเลสได้หมดสิ้น ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 2    โดย วิริยะ  วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ ต่อไปจะไม่ใช้คำนี้ผิดๆ อีก


ความคิดเห็น 3    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 15 ก.ย. 2555

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมครับ

เมื่อคราวไปอินเดียปีที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สุจินต์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

"ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งไปกว่าปัญญา"

เป็นคำกล่าวที่เฉียบขาดที่สุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก จากการที่ได้ศึกษาพระธรรม ในพระพุทธศาสนานั้น ทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มียาดีที่ไหน ที่จะรักษาโรคกิเลสซึ่งมีเป็นอย่างมากได้ นอกจากพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง พระอริยสาวก ผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ล้วนเป็นผู้ได้ดื่มยาที่ดีที่สุดนี้ มาแล้วทั้งนั้น ดังข้อความจากพระไตรปิฎก ที่ อ. ผเดิม ได้ยกมา กล่าวถึง พระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนาที่เป็นเลิศในด้านทรงพระวินัย คือ พระอุบาลีเถระ ท่านแสดงถึง ผลของการได้ดื่มยาขนานศักดิ์สิทธิ์ คือพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ที่จะเป็นไป เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา จนสามารถที่จะดับกิเลสได้จนหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์

จึงเห็นได้ว่า ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เท่านั้น ที่จะรักษาโรคกิเลส ได้ เพราะปกติในชีวิตประจำวัน จะเห็นว่า ขณะที่จิตไม่เป็นไปในกุศลประการต่างๆ แล้ว นอกนั้นเป็นไปกับด้วยอกุศลทั้งนั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ยาที่ดีที่สุด คือ พระธรรม ถ้าไม่มียาที่จะรักษาโรค (กิเลส) โรค (กิเลส) ก็จะเป็นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าได้ฟังพระธรรม และมีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น ขณะนั้น โรคกิเลสที่ว่ามีมากๆ นั้น ก็จะค่อยๆ ลดลงไปตามลำดับ เพราะประโยชน์สูงสุด ของการฟังพระธรรม คือ เพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง หากไม่มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม เพื่อรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ก็จะไม่สามารถรักษาโรคกิเลสได้ และไม่สามารถจะออกจากวัฏฏะสงสารไปได้

ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น และเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 16 ก.ย. 2555

คำว่าศักดิ์สิทธิ์ ใช้กับเรื่องของการเลื่อมใสก็ได้ เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศํกดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพมาก มีฤทธิ์มาก ถ้าเคารพนับถือกราบไหว้ เป็นกุศล เป็นมงคลกับผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ค่ะ