บางคนฟังพระธรรม ก็เห็นจริงว่า เกิดมาไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไป แต่ก็ยังผูกโกรธคนนั้นคนนี้ แล้วพระธรรมจะมีประโยชน์อะไร เมื่อพบกันแล้วก็ควรเกื้อกูลกัน ดีกว่าพบกันแล้วก็โกรธกัน แล้วก็ตายจากกันไปทั้งๆ ที่ยังโกรธกันอยู่ ขณะที่ระลึกได้อย่างนี้ชั่วครั้งชั่วคราว ก็อาจจะไม่โกรธ แต่ก็ยังมีตัวตนเป็นเราเป็นเขา ซึ่งก็ทำให้ไม่สามารถดับอกุศลทั้งหลายลงไปได้
แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาเพื่อทรงตรัสรู้ธรรมและทรงแสดงหนทางที่ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉทคือ ไม่เกิด อีกเลย กิเลสทั้งหลายที่ทุกคนมี เช่น ความตระหนี่ ความหวงแหน ความติดข้อง ความพอใจ ความโลภ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ความริษยา ความอาฆาตต่างๆ หรือแม้แต่ความหงุดหงิดรำคาญใจ เมื่อนึกถึงอกุศลที่ทำไปแล้ว หรือกุศลที่ยังไม่ได้ทำต่างๆ เหล่านี้ จะหมดเป็นสมุจเฉท ไม่เกิดอีกเลย
เมื่อได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม แต่ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญสติปัฏฐาน รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท เมื่อผู้ใดบรรลุคุณธรรมดับกิเลสเป็น พระอริยบุคคล ย่อมเป็นประโยชน์ทั้งกับตนเอง และบุคคลอื่น
บางคนฟังพระธรรมก็เห็นจริงว่า เกิดมาไม่นาน ก็ต้องจากโลกนี้ไป แต่ก็ยังผูกโกรธคนนั้นคนนี้ แล้วพระธรรมจะมีประโยชน์อะไร เมื่อพบกันแล้วก็ควรเกื้อกูลกัน ดีกว่าพบกันแล้วก็โกรธกัน แล้วก็ตายจากกันไปทั้งๆ ที่ยังโกรธกันอยู่
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ ๑๑๑๑๑
ขออนุโมทนาบ้านธัมมะค่ะ ..
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ