[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 412
เถราปทาน
เสเรยยวรรคที่ ๑๓
เสเรยยกเถราปทานที่ ๑ (๑๒๑)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกหงอนไก่
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 412
เสเรยยวรรคที่ ๑๓
เสเรยยกเถราปทานที่ ๑ (๑๒๑)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกหงอนไก่
[๑๒๓] เราเป็นพราหมณ์ผู้เล่าเรียน ทรงจำมนต์รู้จบไตรเพท ยืน อยู่ที่โอกาสแจ้ง ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นำของโลก เสด็จเที่ยวอยู่ในป่า ดังราชสีห์ ไม่ทรงสะดุ้งกลัวดังพญา เสือโคร่ง ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่หลวง ดังช้างมาตังคะ ซับมัน ๓ ครั้ง.
เราจึงหยิบเอาดอกหงอนไก่โยนขึ้นไป (บูชา) ในอากาศ ด้วยพุทธานุภาพ ดอกหงอนไก่ทั้งหลายแวดล้อมอยู่ โดย ประการทั้งปวง.
พระสัพพัญญูมหาวีรเจ้าผู้นำของโลก ทรงอธิษฐานว่า จงเป็นหลังคาดอกไม้โดยรอบ ชนทั้งหลายได้บูชาพระนราสภ.
ในลำดับนั้น แผ่นดอกไม้นั้นมีขั้วข้างใน มีดอกข้างนอก เป็นเพดานบังร่มอยู่ตลอด ๗ วันแล้วหายไปจากที่นั้น.
เราได้เห็นความอัศจรรย์อันไม่เคยมี น่าขนพองสยอง เกล้านั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธสุคตเจ้าผู้เป็น นายกของโลก.
ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น เราอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว ไม่ได้ เข้าถึงทุคติเลยตลอดแสนกัป.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 413
ในกัปที่ ๑๕,๐๐๐ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ครั้ง ทรง พระนามเหมือนกันว่าวิลามาลา๑ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระเสเรยยกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบเสเรยยกเถราปทาน
เสเรยยวรรคที่ ๑๓
๑๒๑. อรรถกถาเสเรยยกเถราปทาน
อปทานของท่านพระเสเรยยกเลระ มีคำเริ่มต้นว่า อชฺฌายโก มนฺตธโร ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระชินวรพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานใน พ้นอัตภาพอื่นที่แล้วมา ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ บรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ได้ไปเรียน ไตรเพท จนจบมนต์สำหรับพราหมณ์ทั้งสิ้นมีอิติหาสะเป็นต้น วันหนึ่ง พร้อมด้วยบริวารไปยืนอยู่ในที่แจ้ง ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า มีจิต เลื่อมใส จึงถือดอกหงอนไก่โยนขึ้นบนอากาศบูชาแล้ว. ดอกไม้เหล่านั้น ก็กลายเป็นเพดานบนอากาศ ดำรงอยู่ได้ ๗ วัน แล้วภายหลังก็อันตรธาน
๑. ม. เป็น วีตมาลา.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 414
หายไป เขาได้เห็นความอัศจรรย์เช่นนั้นแล้ว มีความเลื่อมใสเป็นยิ่งนัก ตายไปในขณะที่มีปีติและโสมนัสนั้นนั่นแหละ ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ ชั้นดุสิตเป็นต้น ได้เสวยทิพยสุขในสวรรค์ชั้นนั้นแล้ว ต่อจากนั้นได้มา เกิดเป็นมนุษย์ เสวยความสุขในมนุษย์แล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้ มาบังเกิดในเรือนอันมีสกุลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้ว ด้วยพลังแห่ง วาสนาที่ได้สั่งสมมาในครั้งก่อน มีความเลื่อมใสแล้วในพระศาสดา จึง ได้บวช ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
ในกาลต่อมา ท่านระลึกถึงกุศลกรรมที่ตนเคยสั่งสมมาในครั้งก่อน ได้ เกิดความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมา แล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า อชฺฌายโก มนฺตธโร ดังนี้. ถ้อย คำนั้นทั้งหมด ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล.
บทว่า เสเรยฺยกํ คเหตฺวาน มีวิเคราะห์ว่า บุปผชาติที่มีหงอน ชื่อว่า เสเรยยะ, เสเรยยะนั่นแหละเป็นเสเรยยกะ เชื่อมความว่า ถือเอา ดอกหงอนไก่นั้น, อธิบายว่า เขาเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า วาง ดอกไม้มีดอกมะลิและดอกจำปาตูมเป็นต้นเพื่อบูชา แต่เพราะไม่มีเวลา จึงเก็บเอาแต่ดอกหงอนไก่ที่พบในที่นั้นมาบูชา. คำที่เหลือในที่ทุกแห่ง มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถาเสเรยยกเถราปทาน