[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 167
๑๐. ทุทททชาดก
ว่าด้วยคติของคนดีคนชั่ว
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 167
๑๐. ทุทททชาดก
ว่าด้วยคติของคนดีคนชั่ว
[๒๐๙] เมื่อสัตบุรุษทั้งหลายให้สิ่งของที่หายาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษทั้งหลายย่อมทำตามไม่ได้ ธรรมของอสัตบุรุษรู้ได้ยาก.
[๒๑๐] เพราะเหตุนั้น คติจากโลกนี้ของสัตบุรุษ และอสัตบุรุษจึงต่างกัน อสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
จบ ทุทททชาดกที่ ๑๐
อรรถกถาทุทททชาดกที่ ๑๐
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภการถวายทานเป็นคณะ. ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ทุทททํ ททมานานํ ดังนี้.
ได้ยินว่าในกรุงสาวัตถี บุตรกุฎุมพีสองสหายร่วมกันจัดแจงทานมีเครื่องบริขารครบ นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า เป็นประมุข ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ได้ถวายบริขารทุกชนิด. ในคนเหล่านั้น คนที่เป็นหัวหน้าคณะ ถวายบังคมพระศาสดา นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง แล้วมอบถวายทานว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 168
ข้าแต่พระองค์ในการถวายทานนี้ มีทั้งผู้ถวายน้อย ขอการถวายนี้ จงมีผลมากแก่ชนเหล่านั้นทั่วกันเถิดพระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย พวกท่านถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วมอบให้อย่างนี้ เป็นการทำที่ยิ่งใหญ่แล้ว แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย ก็ถวายทานมอบให้อย่างนี้ เหมือนกัน เมื่อเขาทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ ณ กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยได้เรียนศิลปะทุกอย่าง สำเร็จแล้วละฆราวาสบวชเป็นฤๅษี เป็นครูประจำคณะอยู่ในหิมวันตประเทศเป็นเวลานาน เที่ยวจาริกไปยังชนบท เพื่อเสพของเค็มและของเปรี้ยว ได้ไปถึง
กรุงพาราณสี พักอยู่ ณ พระราชอุทยาน รุ่งขึ้นจึงออกบิณฑบาตพร้อมด้วยบริษัทตามประตูบ้าน. พวกมนุษย์พากันถวายภิกษา. วันรุ่งขึ้นออกบิณฑบาต ณ กรุงพาราณสี. พวกมนุษย์พากันรักใคร่ ครั้นถวายภิกษาแล้ว จึงร่วมใจกันเป็นคณะเตรียมทานถวายมหาทานแก่คณะฤๅษี. เมื่อเสร็จการถวาย ผู้เป็นหัวหน้าคณะกล่าวอย่างนี้แล้วถวายทานโดยทํานองนี้. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลาย เมื่อมีจิตเลื่อมใส ทานชื่อว่าเล็กน้อยไม่มี เมื่อจะทำอนุโมทนา ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
เมื่อสัตบุรุษทั้งหลายให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษทั้งหลายย่อมทำ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 169
ตามไม่ได้ ธรรมของสัตบุรุษรู้ได้ยาก. เพราะเหตุนั้น คติจากโลกนี้ของสัตบุรุษ และอสัตบุรุษจึงต่างกัน อสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ทุทฺททํ ความว่า ชื่อว่าทานอันผู้ มิใช่บัณฑิต ประกอบด้วยอำนาจโทสะ มีโลภเป็นต้น ไม่อาจให้ได้ เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าว ทุทฺททํ ให้สิ่งที่ให้ได้ยาก. บทว่า กุพฺพตํ ความว่า กรรมคือการให้นั้นก็เหมือนกัน ไม่สามารถทําได้. บทว่า ทุกฺกรํ ได้แก่ ทําสิ่งที่ทําได้ยากนั้น. บทว่า อสนฺโต ได้แก่ ชนผู้มิใช่บัณฑิต คือคนพาล. บทว่า นานุกุพฺพนฺติ คือ ทำตามกรรมนั้นไม่ได้. บทว่า สตํ ธมฺโม ได้แก่ สภาพธรรมของบัณฑิตทั้งหลาย. นี้ท่านกล่าวหมายถึงการให้. บทว่า ทุรนนฺโย ได้แก่ ยากที่จะรู้ด้วยความเกี่ยวพันถึงผล ยากที่จะแนะนำ คือยากที่จะรู้ตามได้ว่า สภาพอย่างนี้เป็นผลวิบากของทานชนิดนี้. อีกประการหนึ่ง บทว่า ทุรนฺนโย ได้แก่ ยากที่จะได้บรรลุ. อธิบายว่า ชนผู้มิใช่บัณฑิตไม่ให้ทานแล้ว ไม่สามารถจะได้ผลทาน. บทว่า นานา โหติ อิโต คติ ได้แก่ การถือปฏิสนธินั้นของสัตว์ผู้เคลื่อนจากโลกนี้แล้วไปสู่ปรโลก ย่อมต่างๆ กัน. บทว่า อสนฺโต นิรยํ อนฺติ. ได้แก่ ชนที่ไม่ใช่บัณฑิต เป็นคนทุศีลไม่ให้ทาน ไม่รักษาศีล ย่อมไปสู่นรก. บทว่า สนฺโต สคฺคปรายนา ความว่า ส่วนผู้เป็นบัณฑิต ให้ทานรักษาศีล กระทำอุโบสถ บำเพ็ญสุจริต ๓
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 170
ย่อมมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า คือย่อมเสวยสุขสมบัติอัน ยิ่งใหญ่.
พระโพธิสัตว์ครั้นการทำอนุโมทนาอย่างนี้แล้ว พักอยู่ ณ ที่นั้นตลอดฤดูฝน เมื่อพ้นฤดูฝนก็ไปป่าหิมพานต์ ยังฌานให้เกิด ไม่เสื่อมฌาน ก็ได้เข้าถึงพรหมโลก.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก. หมู่ฤๅษีในครั้งนั้น ได้เป็นพุทธบริษัทในครั้งนี้ ส่วนครูประจำคณะ คือ เราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาทุทททชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. กัลยาณธรรมชาดก ๒. ทัททรชาดก ๓. มักกฏชาดก ๔. ทุพภิยมักกฏชาดก ๕. อาทิจจุปัฏฐานชาดก ๖. กฬายมุฏฐิชาดก ๗. ตินทุกชาดก ๘. กัจฉปชาดก ๙. สตธรรมชาดก ๑๐. ทุทททชาดก.
จบ กัลยาณธรรมวรรคที่ ๓