รบกวนสอบถามว่าการจัดผ้าป่า จัดสร้างพระเครื่อง ฯลฯ ผลประโยชน์คือ เงินส่วนต่างที่เกินเป้า แล้วพวกนักจัดสร้างทั้งหลายนำไปเข้ากระเป๋าตัวเองหรือพวกพ้อง ถือว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริตหรือไม่อย่างไรครับ
ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าการกล่าวถึงสุจริตหรือทุจริตขึ้นอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญ ถ้ามีเจตนาลัก ฉ้อโกง ยักยอก หลอกลวง ขู่กรรโชกเป็นต้น ชื่อว่าทุจริต แต่ถ้าแสวงหาได้มาโดยธรรมชื่อว่าสุจริต ฉะนั้นตามคำถามคงต้องพิจารณาเป็นแต่ละรายไปว่า มีการตกลงกันไว้อย่างไร และมีเจตนาอย่างไรในการกระทำการแต่ละครั้ง
ก็เหมือนทำการค้าขายกำไรทั่วไป ไม่เหมาะสม ไม่ควรทำ เพราะเหมือนเอาพระมาขาย เอาวัดเป็นสถานทีทำมาหากิน แทนที่จะเอาวัดเป็นสถานที่ให้ชาวพุทธได้ศึกษาธรรม ก็กลายเป็นธุรกิจไป และที่สำคัญวัดเป็นสถานที่ที่ทำให้เราระลึกคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลและระลึกถึงความตาย
ผมขอให้ความเห็นเพิ่มเติมครับว่า
เมื่อไม่มีผู้ใดสามารถรู้ถึงเจตนาเจสิกที่เกิดร่วมกับขณะจิตขณะนั้นของผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การกระทำต่างๆ ได้ โดยส่วนมาก เราจึงชอบหาผู้ตัดสินความผิดชอบชั่วดีของผู้อื่น ว่าจะตรงกับความคิดของเราหรือไม่ ผมคิดว่า มีเพียงการเจริญสติปัฏฐานเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการระลึกรู้ถึงขณะจิตที่เกิดกับตนว่า มีความรู้สึก ความจำ ความคิด หรือสภาพธรรมมะใดเกิด เมื่อได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้ถึงการกระทำของบุคคลอื่นอย่างไรบ้างได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นชาวพุทธก็ควรมั่นคงในเรื่องของกรรมครับ ว่ากรรมนั้นเป็นของของตน กรรมนั้นเป็นผู้ให้ผล กรรมนั้นย่อมติดตามไปดั่งเกวียนที่หมุนไปที่ใด ก็ทิ้งรอยเกวียนไว้ในทางที่ผ่านมานั้น นั่นเอง
ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาประเสริฐ
ขออนุโมทนา
ยินดีในกุศลจิตค่ะ