สุทัตตสูตร อนาถบิณฑิกคหบดีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าครั้งแรก
โดย chatchai.k  4 มิ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 34348

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 410

๘. สุทัตตสูตร

อนาถบิณฑิกคหบดีเขาเฝาพระพุทธเจาครั้งแรก

[๘๒๖] สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับในสีตวัน กรุงราชคฤห.

สมัยนั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดีไปถึงกรุงราชคฤหดวยกรณียกิจบางอยาง.

อนาถบิณฑิกคฤหบดีไดสดับวา เขาลือกันวา พระพุทธเจาเสด็จอุบัติแลวในโลก ในขณะนั้นเอง ปรารถนาจะเขาเฝาพระผูมีพระภาคเจา.

ครั้งนั้นแล ทานอนาถบิณฑิกคฤหบดีไดดําริวา วันนี้เปนกาลไมควรเพื่อจะเขาเฝาพระผูมีพระภาคเจา พรุงนี้เถิด เราจึงจักเขาเฝาพระผูมีพระภาคเจาตามเวลา ทานคฤหบดีนอนรําพึงถึงพระพุทธเจา สําคัญวาสวางแลวลุกขึ้นในราตรีถึง ๓ ครั้ง.

ลําดับนั้น ทานคฤหบดีเดินไปทางประตูปาชา พวกอมนุษยเปดประตูให.

[๘๒๗] ครั้นเมื่ออนาถบิณฑิกคฤหบดีออกจากเมืองไป แสงสว่างก็อันตรธานไป ความมืดปรากฏขึ้น ความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกลาบังเกิดขึ้น ทานคฤหบดีจึงใครที่จะกลับเสียจากที่นั้น.



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 411

ครั้งนั้น ยักษชื่อสีวกะไมปรากฏรางไดสงเสียงใหไดยินวา

ชางแสนหนึ่ง มาแสนหนึ่ง รถเทียมดวยมาอัสดรแสนหนึ่ง หญิงสาวที่สอดสวมแกวมณีและกุณฑลแสนหนึ่ง ยอมไมถึงเสี้ยวที่ ๑๖ อันจําแนกแลว ๑๖ ครั้ง แหงการยกยางเทาไปกาวหนึ่ง ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี การกาวหนาไปของทานประเสริฐ การถอยหลังไมประเสริฐเลย.

ครั้งนั้นแล ความมืดไดหายไป แสงสวางปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลาก็ระงับไป.

[๘๒๘] แมครั้งที่ ๒ แสงสวางหายไป ความมืดปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลา บังเกิดขึ้น ทานคฤหบดีจึงใครที่จะกลับเสียจากที่นั้นอีก.

แมครั้งที่ ๒ ยักษชื่อสิวกะไมปรากฏรางไดสงเสียงใหไดยินวา

ชางแสนหนึ่ง มาแสนหนึ่ง รถเทียมดวยมาอัสดรแสนหนึ่ง หญิงสาวที่สอดสวมแกวมณีและกุณฑลแสนหนึ่ง ยอมไมถึงเสี้ยวที่ ๑๖ อันจําแนกแลว ๑๖ ครั้ง แหงการยกยางเทาไปกาวหนึ่ง ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี การกาวหนาไปของทาน ประเสริฐ การถอยหลังไมประเสริฐเลย.


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 412

ครั้งนั้นแล ความมืดไดหายไป แสงสวางปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัวความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลาก็ระงับไป.

[๘๒๙] แมครั้งที่ ๓ แสงสวางหายไป ความมืดปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลาบังเกิดขึ้น ทานคฤหบดีจึงใครที่จะกลับเสียจากที่นั้นอีก.

แมครั้งที่ ๓ ยักษชื่อสิวกะไมปรากฏรางไดสงเสียงใหไดยินวา

ชางแสนหนึ่ง มาแสนหนึ่ง ฯลฯ ยอมไมถึงเสี้ยวที่ ๑๖ อันจําแนกแลว ๑๖ ครั้ง แหงการยกยางเทาไปกาวหนึ่ง ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี ทานจงกาวหนาไปเถิด คฤหบดี การกาวหนาไปของทาน ประเสริฐ การถอยหลังไมประเสริฐเลย.

ครั้งนั้นแล ความมืดไดหายไป แสงสวางไดปรากฏขึ้นแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความกลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกลาก็ระงับไป.

[๘๓๐] ครั้งนั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดีเดินเขาไปถึงสีตวัน.

สมัยนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาเสด็จลุกขึ้นในเวลาใกลรุงแหงราตรี เสด็จจงกรมอยูในที่แจง พระองคไดทอดพระเนตรเห็นอนาถบิณฑิกคฤหบดีผูมาแตไกล ครั้นแลวเสด็จลงจากที่จงกรมประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว ครั้นแลวไดตรัสเรียกอนาถบิณฑิกคฤหบดีวา มานี่เถิดสุทัตตะ.

ครั้งนั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดีคิดวา พระผูมีพระภาคเจาทรงทักเราโดยชื่อ จึงหมอบลงแทบพระบาทของพระผูมีพระภาคเจาดวยเศียรเกลาในที่นั้นเอง แลวกราบทูลวา ขาแตพระผูมีพระภาคเจาผูเจริญ พระองคประทับอยูเปนสุขหรือพระเจาขา.


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 413

[๘๓๑] พระผูมีพระภาคเจาตรัสตอบวา

พราหมณผูดับกิเลสเสียไดแลวไมติดอยูในกามทั้งหลาย เปนผูเย็น ปราศจากอุปธิ ยอมเปนสุขเสมอไป ผูที่ตัดตัณหาเครื่องเกี่ยวของไดหมดแลว กําจัดความกระวนกระวายในใจเสียได เปนผู้สงบอยูเปนสุข เพราะถึงสันติดวยใจ.

อรรถกถาสุทัตตสูตรที่ ๘

พึงทราบวินิจฉัยในสุทัตตสูตรที่ ๘ ตอไปนี้ :-

บทว่า เกนจิเทว กรณีเยน ได้แก่ ประสงคเอาพาณิชยกรรม.

อนาถบิณฑิกคฤหบดีและราชคหเศรษฐีเปนคูเขยกันและกัน.

เมื่อใด ในกรุงราชคฤหมีสินคาสงออกมีคามาก เมื่อนั้น ราชคหเศรษฐีพาเอาสินคานั้นไปกรุงสาวัตถีดวยเกวียนรอยเลม พักอยูในที่ประมาณโยชนหนึ่งใหผูอื่นรูวาตนมาแลว. อนาถบิณฑิกคฤหบดีไปตอนรับ ทําสักการะเปนอันมากแกเขาแลว จึงขึ้นยานเดียวกันเขาไปกรุงสาวัตถี.

ถาวา สินคาจําหนายไดเร็ว เขาก็จําหนาย ถาจําหนายไมได ก็จะเก็บไวในเรือนพี่สาวแลว ก็หลีกไป. แมอนาถบิณฑิกคฤหบดีก็กระทําอยางนั้นเหมือนกัน.

แมในกาลนั้น อนาถบิณฑิกคฤหบดีนี้


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 414

นั้นไดไปดวยกรณียกิจนั้นแล. ขอนั้น ทานหมายถึงกรณียกิจนั้น จึงกลาวแลว.

ก็ในวันนั้น ราชคหเศรษฐี ไดฟงขาวอันอนาถบิณฑิกคฤหบดีพักอยูในที่ประมาณโยชนหนึ่งสงไปแลว เพื่อจะไดรูวาตนมาแลว จึงไดไปวิหารเพื่อฟงธรรม. เขาฟงธรรมกถาแลว นิมนตภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปนประมุข เพื่อฉันในวันพรุง จึงใหชวยกันขุดเตาไฟ และผาฟนเปนตน ในเรือนของตน.

แมอนาถบิณฑิกคฤหบดีคิดวา ทานเศรษฐีจักทําการตอนรับเราบัดนี้ จักทําเดี๋ยวนี้ แมที่ประเรือนก็ไมไดการตอนรับ จึงเขาไปภายในเรือน ก็ไดการปฏิสันถารไมมากนัก.

การปฏิสันถารไดมีประมาณเทานี้วา ทานมหาเศรษฐี ทานไมเหน็ดเหนื่อยในหนทางของรูปทารกในตระกูลหรือ.

อนาถบิณฑิกคฤหบดีนั้น เห็นการขวนขวายมากของทานเศรษฐีนั้นแลว ยังถอยคําใหเปนไป โดยนัยมาแลวในขันธกะวา ขาแตทานคหบดี ทานจักมีอาวาหมงคลหรือ ดังนี้ไดฟงเสียงวาพระพุทธเจา จากปากของทานราชคหเศรษฐีนั้น ก็ไดปติมี วรรณะ ๕. ปตินั้นตั้งขึ้นที่ศีรษะของอนาถบิณฑิกคฤหบดีนั้นจนถึงหลังเทา ตั้งขึ้นที่หลังเทาแผไปจนถึงศีรษะ. ตั้งขึ้นแตขางทั้งสองรวมลงทามกลาง ตั้งขึ้นทามกลางแผไปโดยขางทั้งสอง. เขาอันปติถูกตองชั่วนิรันดร จึงกลาววา คหบดี ขอทานไดกลาววา พระพุทธเจาเถิด.

ขาพเจากลาวอยูวา พระพุทธเจา.

ถามสามครั้งอยางนี้แลว กลาววา เสียงวา พุทฺโธ นั้นแล หาไดยากในโลก.

ทานหมายถึงขอนี้ จึงกลาววา อนาถบิณฑิกคหบดีไดสดับวา เขาลือกันวา พระพุทธเจาทรงอุบัติแลวในโลก ดังนี้.

บทวา เอตทโหสิ อกาโล โข อชฺช ความวา

ทานอนาถบิณฑิกคฤหบดีถามทานเศรษฐีวา คหบดี พระศาสดา ประทับอยูที่ไหน. ครั้งนั้น ทาน


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 415

เศรษฐี จึงบอกแกทานอนาถบิณฑิกคฤหบดีวา ธรรมดา พระพุทธเจาทั้งหลาย เขาใกลไดยากเชนกับอสรพิษ พระศาสดา ประทับอยูในปาชา ผูเชนทานไมอาจเพื่อจะไปเฝาในเวสานี้ในที่นั้นได. ครั้งนั้น ทานเศรษฐีไดมีความดํารินั้น.

บทวา พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชิ ความวา ไดยินวา ในวันนั้น แมจิตของทานอนาถบิณฑิกคฤหบดี ไมเกิดขึ้นในเกวียนบรรทุกสินคาหรือในคนใช ไมรับประทานอาหารมื้อเย็น ไดขึ้นปราสาท ๗ ชั้น เมื่อทําการสาธยายวา พุทฺโธ พุทฺโธ บนที่นอนอันประเสริฐที่จัดไวดีและตกแตงไวอยางดี นอนหลับไป. เพราะเหตุนั้น. ทานจึงกลาววา เมื่อมีสติถึงพระพุทธเจา จึงหลับไป.

บทวา รตฺติยา สุท ติกฺขตฺตุ อุฏาสิ ปภาตนฺติ มฺมาโน ความวา เมื่อปฐมยามลวงไป เขาลุกขึ้นระลึกถึงพระพุทธเจา. ในกาลนั้น ความเลื่อมใสของอนาถบิณฑิกนั้นไดเกิดมีกําลัง. แสงสวางแหงปติไดมีแลว. ความมืดก็หมดไป. เหมือนประทีปพันดวงลุกโพลงและดวงจันทรดวงอาทิตยขึ้นฉะนั้น.

อนาถบิณฑิกคฤหบดีนั้นคิดวา เราถึงแลวซึ่งความเสื่อมใส ถูกเขาลวงแลว ดวงอาทิตยขึ้น ดังนี้ แลวลุกขึ้นยืนบนพื้นอากาศ มองดูดวงจันทรคิดวา ยามหนึ่งลวงไปแลวยังเหลืออยูอีกสองยาม จึงเขาไปนอนอีก. โดยอุบายนั้น เขาลุกขึ้นสามครั้ง คือ ในที่สุดมัชฌิมยามครั้งหนึ่ง สวนในที่สุดปจฉิมยาม ลุกขึ้นในเวลาจวนสวางมายังพื้นอากาศ มุงหนาตอประตูใหญ. ประตู ๗ ชั้นไดเปดเอง. ลงจากปราสาทเดินไประหวางทาง.

บทวา วิวรึสุ ความวา อมนุษยทั้งหลายคิดกันวา มหาเศรษฐีนี้ออกไปดวยคิดวา เราจักไปอุปฏฐากพระพุทธเจา ตั้งอยูแลวในโสดาปตติผล ดวยการเห็นครั้งแรกแลไดเปนอุปฏฐากอันเลิศแหงพระรัตนตรัย ทําสังฆารามใหเปนสถานที่หาที่เปรียบมิได แตจักไมเปดประตูรับหมูพระอริยะผูมาจากจาตุรทิศ มหาเศรษฐีนี้ ไมควรปดประตูเลยดังนี้ จึงไดเปดแลว.

บทวา


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 416

บทวา อนฺตรธายิ ความวา ไดยินวา กรุงราชคฤหมีมนุษยเกลื่อนกลนภายในเมืองเกาโกฏิ ภายนอกเมืองเกาโกฏิ รวมไดมนุษย ๑๘ โกฎิ เขาไปอาศัยกรุงราชคฤหนั้นอยู.

พวกมนุษย ไมสามารถเพื่อจะนำเอาคนตายออกไปภายนอกในมิใชเวลาได วางไวบนธรณีประตูทิ้งไปภายนอกประตู. มหาเศรษฐีพอออกไปภายนอกเมือง เทาก็เหยียบซากที่ยังสด. หลังเทาก็กระทบซากที่ยังสด. หลังเทาก็กระทบซากแมอื่นอีก. ฝูงแมลงวันก็บินขึ้นกระจายออกรอบๆ . กลิ่นเหม็นก็กระทบโพรงจมูก. ความเลื่อมใสในพระพุทธเจาก็ถึงความลดนอยลง. เพราะเหตุนั้น แสงสวางของมหาเศรษฐีนั้น ก็อันตรธานไป. ความมืดปรากฏขึ้น.

บทวา สทฺทมนุสฺสาเวสิ ความวา สิวกยักษคิดวา เราจักยังความอุตสาหะใหเกิดแกเศรษฐีไดสงเสียงใหไดยินดวยเสียงอันไพเราะ เหมือนคนเคาะกระดิ่งทองฉะนั้น.

บทวา สต กฺาสหสฺสานิ ความวา แมบทแรกเชื่อมกับบทสหัสสะนี้แล.

ในขอนี้ มีอธิบายดังนี้วา กับหญิงสาวแสนหนึ่ง ชางแสนหนึ่ง มาแสนหนึ่ง รถแสนหนึ่ง. แตละแสนทานแสดงไวแลว ดวยประการฉะนี้.

บทวา ปทวีติหารสฺส ไดแก ขนาดศอกกํามาหนึ่งในระหวางเทาทั้งสอง ในการเดินไปสม่ําเสมอ ชื่อวาการยางเทาไปกาวหนึ่ง.

บทวา กล นาคฺฆนฺติ โสฬสึ ความวา สวนหนึ่งอันจําแนก ๑๖ สวนโดย ๑๖ ครั้งอยางนี้คือ แบงการยางเทาไปกาวหนึ่งออกเปน ๑๖ สวน จาก ๑๖ สวนนั้น แบงสวนหนึ่งออกเปน ๑๖ สวนอีก. จาก ๑๖ สวนนั้น แบงสวนหนึ่งออกเปน ๑๖ สวน ชื่อวาเสี้ยวที่ ๑๖. สี่แสนเหลานี้ ยอมไมถึงเสี้ยวที่ ๑๖ นั้น.

มีคําอธิบายวา เจตนาที่เปนไปในสวน กลาวคือเสี้ยวที่ ๑๖ นั้น ของบุคคลกําลังไปยังวิหาร เปนเจตนาที่ยอดเยี่ยมกวาการไดนี้ประมาณเทานี้ คือชางแสนหนึ่ง มาแสนหนึ่ง รถแสนหนึ่ง


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 417

นางสาวแสนหนึ่ง ก็นางสาวเหลานั้นแลที่สวมแกวมณีและกุณฑลเปนราชธิดาอยูในชมพูทวีปทั้งสิ้นเทียว.

ถามวา ก็การไปวิหารนี้ ทานถือแลวดวยอํานาจของใคร.

ตอบวา ของผูไปยังวิหารแลว ตั้งอยูในโสดาปตติผล โดยไมมีอันตราย. ดวยอํานาจแหงบุคคลผูไปดวยคิดวา เราจักทําการบูชาดวยของหอมและดอกไม เปนตน จักไหวพระเจดีย จักฟงธรรม จักบูชาดวยเทียนและธูป นิมนตสงฆ ถวายทาน จักตั้งอยูในสิกขาบท หรือวาสรณะ ดังนี้ ยอมควรเหมือนกัน.

บทวา อนฺธกาโร อนฺตรขายิ ความวา นัยวา ทานเศรษฐีคิดวา เราทําความสําคัญวาเราอยูคนเดียว แมการประกอบความเพียรก็มีแกเรา เพราะเหตุไร เราจึงตองกลัวเลา ดังนั้น จึงไดเปนผูกลา.

ครั้งนั้น ความเลื่อมใสในพระพุทธเจา มีกําลังเกิดขึ้นแลว. เพราะฉะนั้น ความมืด จึง อันตรธานไป.

แมในวาระที่เหลือก็มีนัยนี้แล.

อีกอยางหนึ่ง บุคคลผูเดินไปขางหนาๆ ไดเห็นซากศพหลายอยางเปนตนวา รางกระดูกมีเนื้อและเลือดติดอยูในทางปาชาอันนากลัว ไดยินเสียงสุนัขบานและสุนัขจิ้งจอกเปนตน. เขา ยังความเลื่อมใสในพระพุทธเจาใหเจริญบอยๆ ย่ํายีอันตรายทั้งหมดนั้นไปได.

บทวา เอหิ สุทตฺต ความวา ไดยินวา เศรษฐีนั้นเดินคิดไปวา ในโลกนี้มีเดียรถีย มีปูรณกัสสปะเปนตนเปนอันมาก ก็กลาววาเราทั้งหลายเปนพระพุทธเจา เราทั้งหลายเปนพระพุทธเจา เราพึงรูความที่ศาสดาเปนพุทธเจาไดอยางไรหนอแล.

ครั้งนั้น ทานเศรษฐีไดมีความดํารินั้นวา มหาชนรูจักชื่อซึ่งเกิดดวยอํานาจคุณของเรา แตใครๆ ยังไมรูจักกุลทัตติยะเปนชื่อของเรา นอกจากเรา หากวาพระพุทธเจาจักมี พระองคก็ทรงเรียกเราโดยชื่อวา กุลทัตติกะ. พระศาสดาทรงรูจิตของเขาแลว จึงตรัสอยางนี้.


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 418

บทวา ปรินิพฺพุโต ความวา พราหมณผูดับแลวดวยความดับกิเลส.

บทวา อาสตฺติโย แปลวา ตัณหา.

บทวา สนฺตึ แปลวา ความสงบระงับกิเลส.

บทวา ปปฺปุยฺย แปลวา ถึงแลว.

ก็แลพระศาสดาตรัสพระดํารัสนี้ จึงตรัสอนุปุพพีกถาแกเศรษฐีนั้น แลวก็ทรงประกาศสัจจะ ๔ ในที่สุด.

เศรษฐีฟงพระธรรมเทศนาแลว ตั้งอยูในโสดาปตติผล นิมนตภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปนประมุข เริ่มถวายมหาทานตั้งแตวันรุงขึ้น.

อิสรชนมีพระเจาพิมพิสารเปนตนสงสาสนไปแกเศรษฐีวา ทานเปนอาคันตุกะ สิ่งใดไมพอ ทานจงใหนําสิ่งนั้นมาแตที่นี้เถิด. ทานหามชนทั้งหมดวา พอพวกทานมีกิจมาก ไดถวายมหาทาน ๖ วัน ดวยสมบัติที่ตนนํามาดวยเกวียน ๕๐๐ เลม.

ก็ในที่สุดแหงการถวายทาน ทูลใหพระผูมีพระภาคเจาทรงทราบถึงการอยูจําพรรษาในกรุงสาวัตถีแลว ไดถวายแสนหนึ่งทุกๆ โยชน เมื่อใหสรางวิหาร ๔๐ แหง ระหวางกรุงราชคฤหกับกรุงสาวัตถี ไดไปยังกรุงสาวัตถี ใหสรางเชตวันมหาวิหารเสร็จแลว ไดมอบถวายภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปนประมุข.

จบอรรถกถาสุทัตตสูตรที่ ๘


ความคิดเห็น 9    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2564

ขอเชิญรับฟัง ...

อนาถบิณฑิกเศรษฐี