วลีทั้งสองนี้คงจะคุ้นหูคนไทยจำนวนไม่น้อย เพราะมีอยู่ในบทเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) กระทู้นี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง ขอท่านวิทยากรได้โปรดตอบด้วยความสบายใจครับ ประเด็นคำถามคือ
1.คำว่า สัญญา ในทางธรรม มีความหมายอย่างไร เหมือนที่คนทั่วไปเข้าใจกันหรือไม่
2.ถ้าเราสัญญาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น สัญญาว่าจะให้สิ่งของกับใคร แล้วในเวลาต่อมา ไม่ให้จริงตามสัญญา กรณีนี้ผิดศีล 5 ในข้อมุสาวาทไหมครับ ครบองค์ของมุสาวาทหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า สัญญา ทางโลกทั่วไปที่พูดกัน กับ สัญญาในพระธรรมนั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งสัญญาทั่วไปที่ใช้กัน เช่น รักษาสัญญา หมายถึง รักษาสิ่งที่เคยได้พูดเอาไว้ แล้วก็ทำตามนั้น ชื่อว่า รักษาสัญญา แต่ในทางธรรม สัญญา หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นเจตสิกธรรม คือ สภาพธรรมที่ทำหน้าที่จำ จำหมายในอารมณ์นั้นที่สัญญามีอารมณ์นั้นอยู่ เช่น สัญญา จำสี สัญญาจำเรื่องราวที่เป็นอารมณ์ในขณะนั้น เพราะฉะนั้น สัญญาที่ชาวโลกเข้าใจ ใช้กัน จึงไม่ตรงตาม สัญญา ในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
ส่วนการที่ไม่รักษาคำพูดตามที่เคยบอกพูดไว้ ไม่เป็นการโกหก มุสาวาท ผิดศีลข้อที่ ๔ เพราะเหตุว่า ไม่ได้มีเจตนาการโกหก กล่าวคำไม่จริงในขณะแรกในขณะนั้น หากแต่ว่าถ้ามีเจตนาที่จะโกหกตั้งแต่แรก ที่จะไม่ทำตามคำพูดที่ว่าไว้ แต่หลอกคนอื่นว่าจะทำสิ่งนี้ อย่างนี้ก็เป็นการมุสาวาท ตั้งแต่พูดครั้งแรก แม้จะทำตามคำพูด หรือ ไม่ทำก็ตามในเวลาต่อมา แต่ถ้าไม่มีเจตนาโกหกทีแรก ตั้งใจว่าจะทำ แต่ภายหลังทำไม่ได้ตามที่พูด ก็ไม่มีเจตนาโกหกแต่อย่างไร แต่ไม่ได้รักษาคำพูดตามที่ว่าไว้ ครับ
แต่สิ่งที่น่าพิจารณา คือ การรักษาคำพูด หรือ ชาวโลกกล่าวว่า เป็นการรักษาสัญญา ควรเป็นไปในทางที่ดี การรักษาคำพูด ในทางที่ไม่ดี ในทางอกุศลธรรม ไม่ควรรักษา แม้จะกล่าวว่า จะทำในครั้งแรก การบอกเลิกที่จะทำตามที่เคยพูด ในสิ่งที่ไม่ดี ย่อมเป็นสิ่งที่สมควร และนำมาซึ่งความเจริญ เพราะละเว้นอกุศลในขณะนั้น เพราะฉะนั้น การรักษาวาจา รักษาสัจจะ จึงควรเป็นเรื่องของความดี ความถูกต้องเป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ในสภาพธรรมที่มีจริง ๆ แม้แต่ สัญญา ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ๆ เป็นสภาพธรรมที่จำในอารมณ์ จำในสิ่งที่จิตรู้ เพราะ สัญญา เป็นเจตสิกธรรมประการหนึ่ง ที่เกิดกับจิตทุกขณะ ทุกประเภทไม่มีเว้น เกิดร่วมกับกุศลจิต เกิดร่วมกับอกุศลจิต เกิดร่วมกับกิริยาจิต เกิดร่วมกับวิบากจิต
ประโยชน์ของการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม จากที่เคยเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พูดคำที่ไม่รู้จักก็เป็นการค่อยๆ เข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ในแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟังทั้งหมดล้วนแล้ว แต่เป็นคำจริงที่มุ่งให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริง
เมื่อบอกว่า จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือ มอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้กับใคร แล้วไม่สามารถกระทำให้ได้ หรือไม่สามารถที่จะมอบสิ่งนั้นให้ได้ ไม่ได้เป็นการผิดศีลแต่ประการใด เพราะเหตุว่าไม่ได้ฆ่าสัตว์ ไม่ได้ลักทรัพย์ เป็นต้น แม้แต่ในเรื่องที่บอกว่าจะให้สิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วไม่ได้ให้ อย่างนี้ ไม่เข้าองค์ของมุสาวาท เพราะไม่ได้กล่าวคำเท็จเลย อาจจะเป็นเพราะเกิดความตระหนี่ครอบงำแล้วไม่ได้ให้ก็ได้ หรือ ในบางกรณีบอกว่าจะให้สิ่งนี้ แต่เห็นว่าจะเป็นการให้ที่เป็นโทษกับผู้รับ อย่างเช่น ให้เงินกับพระภิกษุ ภายหลังเมื่อได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ให้ ยิ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพราะได้เข้าใจแล้วว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก เป็นต้น จึงเป็นเรื่องของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ เรื่องของสภาพธรรมนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แม้ตั้งใจว่าจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่แล้วก็ไม่ได้กระทำ เพราะเหตุปัจจัย อย่างน้อย ก็ทำให้เข้าใจถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครจริงๆ
สำหรับผู้ที่เห็นคุณของสัจจะ ความจริงแล้ว ก็จะพูดคำจริง และเป็นผู้จริงใจในการที่จะศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อการละกิเลส และเจริญกุศลประการต่างๆ ไม่ละเลยโอกาสสำคัญที่จะทำให้กุศลเจริญขึ้น แม้ในการให้ก็เป็นทานกุศลประการหนึ่ง ให้ได้เมื่อมีวัตถุสิ่งของที่จะให้ ถ้าไม่มีสิ่งของที่จะให้ กุศลประการอื่นๆ ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นเป็นไปได้ในขณะนั้น ตามการสะสมของแต่ละคนจริงๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ด้วยความเคารพ จาก ใหญ่ราชบุรี - ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นไปตามเหตุปัจจัยจริงจริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครจริงจริง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ