สนทนาธรรมที่มูลนิธิ ฯ
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
ถอดเทป โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
นิรันด์ ที่อาจารย์ให้ความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรม เรื่องกฎของกรรมนี้ การเข้าใจนี้เป็นการเข้าใจ เป็นปัญญาขั้นการพิจารณาไม่ใช่หรือครับ แล้วจะช่วยในการที่จะคลายกังวลดับทุกข์สิ่งที่สะสมมาเนิ่นนาน ได้อย่างไรครับ เพราะไม่ใช่ปัญญาขั้นวิปัสสนาญาณ
อาจารย์ บังคับไม่ได้ใช่ไหม ไม่ให้เป็นทุกข์ เกิดแล้วดับไปหรือเปล่า แล้วเป็นทุกข์ทำไม เพราะยังมีกิเลส เพราะความไม่รู้ ให้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นทุกข์ เพราะไม่รู้
นิรันด์ แล้วเมื่อไรจะค่อยๆ คลายความทุกข์เมื่อปัญญาค่อยๆ สติปัฎฐานเริ่มเกิด ปัญญาเริ่มคม
อาจารย์ ถามอย่างนี้ใช่ไหม แล้วเมื่อไรจะรู้
นิรันด์ ก็ค่อยๆ รู้
อาจารย์ ก็นั่นซิคะ ก็ค่อยๆ รู้
นิรันด์ ระหว่างนี้ความทุกข์ต่างๆ มันก็เป็นไป
อาจารย์ แน่นอนค่ะ เพราะว่าความทุกข์มีจริง เป็นธรรมะ ลืมว่าอยู่คนเดียวกับความทุกข์เหมือนโลกที่มืดสนิท เลย ตอนเกิดนี้มืดแค่ไหน จักขุปสาท ไม่มีจะไปกระทบกับแสงสว่างได้ นี่คือมืดสนิท แล้วเวลาที่นอนหลับสนิท มืดสนิท หรือไม่รู้อะไรทั้งสิ้น แม้แต่มืดสนิทหรือไม่มืดสนิทก็ไม่มีความคิดเลย เพราะขณะนั้นโลกไม่ปรากฏ จะเห็นได้ไหมว่าชีวิตนี้ก็คือนามธรรมที่เกิดพร้อมกับรูปธรรม แล้วก็ยังมีรูปธรรมซึ่งมีกรรมเป็นปัจจัยทำให้เกิดจักขุปสาทนิดเดียวที่กลางตา แล้วก็ดับเร็วมาก โสตปสาท ก็เป็นรูปเล็กๆ เล็กนิดเดียว เกิดแล้วก็ดับอยู่ตลอดเวลาโดยที่ว่าจะไปบังคับที่จะไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ แต่ความคิดจากสิ่งที่เห็น (หลังจากที่) กระทบจักขุปสาทเพียงเล็กน้อย เป็นเรื่องราวจากความจำในสิ่งที่เห็น เป็นตัวตน เป็นสัตว์ บุคคลต่างๆ (มากมาย) เมื่อมีความเป็นเราเป็นเขาก็เป็นทุกข์ ที่จริงคือความนึกคิดของตัวเองทั้งหมด เราอยู่ในโลกของความคิดนึกเท่านั้นจริงๆ เพราะสิ่งที่ปรากฏหมดแล้วยังคิดอีก วิธีที่จะรู้ได้ว่า เราคิด เราไม่รู้ แล้วเราติดในสิ่งที่ เราไม่รู้แค่ไหนคือ เวลาที่ฝัน
นิรันด์ ทำไมล่ะครับ
อาจารย์ ทำไมหรือคะ ฝันเห็นอะไร
นิรันด์ ก็เรื่องต่างๆ มากมาย
อาจารย์ แล้วเห็นจริงๆ หรือเปล่า
นิรันด์ ไม่จริง
อาจารย์ เพราะฉะนั้นติดไหมคะ สิ่งที่เพียงเห็นแล้วจำได้ ว่าเป็นอะไร ไม่ลืมจนกระทั่งนึกถึงเห็น (ถึง) ในฝัน นี่แสดงให้เห็นความเหนียวแน่นของความไม่รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงสิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่มี ไม่ได้ปรากฏ หมดแล้ว เห็นแล้วก็หมดไปๆ แต่ทำไมฝันเห็น เหมือนเห็นเลยค่ะ แต่ไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา นั่นก็แสดงถึงความทรงจำเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรื่อง ราวต่างๆ ไม่ได้รู้ความจริงว่าคิดทั้งหมด
นิรันด์ อาจารย์จะว่าทุกอย่างจะเริ่มจากความไม่รู้ใช่ไหม
อาจารย์ แล้วก็อยู่ที่ ความคิด ด้วย แล้วไม่มีเราแน่ๆ มีแต่ ธรรม
ใช่ค่ะ ทุกข์เพราะความไม่รู้ ทุกข์เพราะวนเวียนอยู่ในความคิดอย่างที่ท่านแสดงไว้จริงๆ
ขออนุโมทนาค่ะ
มีแต่ธรรม
อนุโมทนาค่ะ
ไม่รู้มาก ก็ทุกข์มาก ก็คิดด้วยอกุศลมาก ไม่รู้น้อยก็ทุกข์น้อย ก็คิดด้วยอกุศลน้อย ไม่รู้ดับ ทุกข์ดับรอวันปรินิพพาน ผลที่ถูกจะสมควรแก่เหตุเมื่อรู้เหตุที่ถูกและทำเหตุให้ถูกกับผลนั้น ความหวังเป็นอกุศลเหตุไม่ทำให้ถึงนิพพาน.
ขออนุโมทนาครับ...
ยังทุกข์เพราะคิด ไม่ใช่บังคับไม่ให้คิด แต่เข้าใจความจริงของคิดว่าเป็นธรรม โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
คนเราทุกวันนี้....เป็นทุกข์เพราะความคิด
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
อะไรจะจริงยิ่งกว่านี้ คนเรา ทุกข์เพราะความไม่รู้ ทุกข์เพราะความคิดจริงๆ
หากมีความเห็นถูก ต้องมั่นคงว่า ไม่มีเร ครับ ความคิดมีจริง เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา เป็นจิต ที่คิด ความทุกข์ (ทุกขเวทนา) มีจริง เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา เป็นเจตสิกที่ทำหน้าที่รู้สึก เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ของตนๆ จึงควรเข้าใจถูกว่า ที่คิด ที่ทุกข์นั้น ไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรม เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ดับไป แต่สัญญาเจตสิก ทำหน้าที่จำไว้ จึงเห็นผิดว่า มีเราที่ทุกข์นาน ทั้งๆ ที่ทุกขเวทนานั้นก็ดับไปแล้ว ดังนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจถูกก่อนว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา จริงๆ
ขออนุโมทนาค่ะ สาธุ....
ขออนุโมทนาครับ
ตื่นมาขณะนี้ ก็คิดๆ ๆ ทั้งสิ่งที่เห็นอยู่ และไม่เห็นแล้วก็ยังคิดถึงได้เป็นเรื่องราวมากมาย " อะไรที่ควรรู้ยิ่ง " ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่ท่านอาจารย์ถ่ายทอดโดยกล่าวให้คิดพิจารณา ก็ไม่มีทางได้ไตร่ตรองพิจารณาความจริงของคิด
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
น้อมอุทิศกุศล แด่คุณย่าสงวน ผู้บันทึกข้อความที่เป็นคุณค่าต่อการอบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรม หากท่านอยู่ในภูมิที่รับรู้ได้ เพื่อท่านมีจิตโสมนัสยินดีด้วยเทอญ