ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เคยสนทนาแล้วครับ
ภิกษุในธรรมวินัย
ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เคยสนทนาแล้วครับ
ภิกษุในธรรมวินัย
ภิกษุมีทั้งโดยสมมติ และ โดยปรมัต ซึ่งการเป็นภิกษุที่แท้จริง
ต้องด้วยคุณธรรม คุณความดีเป็นสำคัญ ครับ
พราหมณ์อยากให้พระศาสดาเรียกตนว่าภิกษุได้ยินว่า พราหมณ์นั้นบวชในลัทธิภายนอกเที่ยวภิกษาอยู่ คิดว่า"พระสมณโคดมเรียกสาวกของตนผู้เที่ยวภิกษาว่า ภิกษุ,' การที่พระ-สมณโคดมเรียกแม้เราว่า ' ภิกษุ ' ก็ควร." เขาเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลว่า" ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ แม้ข้าพเจ้าก็เที่ยวภิกษาเลี้ยงชีพอยู่, พระองค์จงเรียกแม้ข้าพเจ้าว่า 'ภิกษุ."ลักษณะภิกษุและผู้มิใช่ภิกษุลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพราหมณ์นั้นว่า "พราหมณ์ เราหาเรียกว่า ' ภิกษุ ' เพราะอาการเพียงขอ (เขาไม่) , เพราะผู้สมาทานธรรมอันเป็นพิษแล้วประพฤติอยู่ ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าภิกษุหามิได้, ส่วนผู้ใดเที่ยวไปด้วยพิจารณาสังขารทั้งปวง, ผู้นั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ" ดังนี้แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
บุคคลชื่อว่าเป็นภิกษุ เพราะเหตุที่ขอกะคนพวก อื่นหามิได้, บุคคลสมาทานธรรมอันเป็นพิษ ไม่ชื่อว่า เป็นภิกษุ ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น; ผู้ใดในศาสนานี้ ลอยบุญและบาปแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ (รู้ธรรม) ในโลก ด้วยการพิจารณาเที่ยวไป ผู้นั้นแลเราเรียก ว่า 'ภิกษุ.'ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ภิกษุมีความหมายหลายอย่าง ความหมายหนึ่งที่น่าพิจารณา คือ ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่เห็นภัยของการเวียนว่ายตายเกิด เห็นภัยของกิเลส มีความไม่รู้ เป็นต้น ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ชื่อว่าเป็นภิกษุ ด้วยคุณธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป สูงสุดจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดก็ตามถ้าเห็นคุณประโยชน์ของพระธรรม ไม่ว่างเว้นจากการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
แม้อุบาสก อุบาสิกา ศึกษาธรรมะ ก็เป็นเหตุให้เห็นภัยในวัฏฏะ ภัยที่ทำทุจริต ไม่รักษาศีล เป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิ ๔ มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ในสุคติภูมิ ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ โดยเฉพาะการอบรมปัญญายิ่งๆ ไปค่ะ
ขออนุโมทนา