ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๐ กรรมที่ทำแล้วในอดีต นำมาซึ่งผล คิอ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบ เดี๋ยวนี้เอง กรรมนั้น เป็น มโนสัญเจตนาหาร
๐ จิตปรมัตถ์ ที่เกิดขึ้นแล้ว นำมาซึ่งเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย และ รูป เดี๋ยวนี้เอง จิตจึงเป็น วิญญาณาหาร
๐ ถ้าจิตเห็นไม่เกิด เจตสิก ก็เกิดไม่ได้
๐ รูปที่เกิดจากกรรม หมายถึง ใครก็สร้างขึ้นไม่ได้
๐ กลุ่มของรูปหนึ่งกลุ่ม เกิดจากสมุฏฐานเดียวเท่านั้น
๐ เรียนเรื่อง รูป ประโยชน์จริงๆ คือ ให้เข้าใจตามความเป็นจริงในสิ่งที่กำลังปรากฏว่าว่า เป็นรูป เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เรา
๐ เพื่อให้ค่อยๆ ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา
๐ จุดประสงค์จริงๆ เพื่อให้เข้าถึง ธรรมะแต่ละหนึ่ง
๐ การเข้าใจสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ มีมากน้อยแค่ไหน
๐ อย่าหลงเข้าใจว่ารู้ เพราะผิด
๐ การบริโภคอาหาร (อาหารที่กลืนกิน คือ กพฬิงการาหาร) เป็นความจำเป็น ไม่บริโภคไม่ได้เพราะหิว จึงเปรียบเหมือนการกินเนื้อบุตร ด้วยความจำเป็นในการเดินทางที่กันดาร
๐ ผัสสาหาร เปรียบเหมือนโคหนังเปิด (โคไม่มีหนัง) ไม่ว่าอะไรจะตกลงไปก็กระทบทั้งนั้น
๐ เข้าใจธรรมะก่อน จึงจะเข้าใจคำอุปมา
๐ สิ่งที่สะสมมา ลึก เมื่อปรากฏเกิดขึ้น จึงรู้
๐ จะรับประทานทุเรียน หรือ ไม่รับประทาน ก็ไม่ใช่เราแต่เป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง
๐ ปัญญายังรู้ว่า การกลั้นใจ ไม่กินทุเรียน ..ว่า..ไม่ใช่เรา
๐ อกุศลที่เคยยึดถือ..ว่าเป็นเรา ... จะค่อยๆ คลายลง เมื่อฟังพระธรรมเข้าใจขึ้น
๐ เห็น เกิดขึ้น ดีไหม ที่เห็น?
๐ ถ้าดับอาหาร ๔ หมดเลย ก็ไม่เกิดอีก ดีไหม?
๐ ถ้ากำหนดรู้อาหารแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องทำให้ยิ่งกว่านี้อีก
๐ กำหนดรู้ ในที่นี้ หมายถึง รู้ทุกอย่าง
๐ ถ้าไม่พูดว่าอาหาร ใช้คำว่า รู้ชัดสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ได้ไหม?
๐ เหตุที่จะนำมาซึ่งธรรมะ ไม่ใช่เหตุเดียว ดังนั้น ผัสสะจึงไม่ได้เป็นเหตุนำมาซึ่งเวทนาเท่านั้น นำมาซึ่งเจตสิกอื่นๆ และ จิต รวมถึงรูปที่เกิดเพราะผัสสะ นั้น ด้วย
๐ ถ่ายรูปอาหาร ก่อนรับประทาน (ท่าน อ.เน้นเสียงเข้ม) แย่มากๆ เลยค่ะเพิ่มความติดข้องในสีของอาหาร
๐ อาหาร ๔ เป็นโทษ ต้องละ มิฉะนั้น ก็ออกจากสังสารวัฏฏ์ ไม่ได้
๐ อาหารคือคำข้าว เปรียบภัยเหมือนการกินเนื้อบุตร คือให้ละความติดข้อง
ในอาหารที่กลืนกินดุจกินเนื้อบุตร
๐ กินอาหาร ก็นำมาซึ่งการเกิดอีก ตายไป เกิดใหม่ก็มากินอาหารคือคำข้าวอีก ตายอีก ไม่รู้จบ อาหารจึงเป็นภัยอย่างนี้
๐ เหมือนฟังสิ่งที่จมลึกอยู่ในมหาสมุทร ... จนกว่าจะค่อยๆ เห็นสิ่งนั้น^___^
๐ พรหมจรรย์ (พรหม หมายถึง ประเสริฐ จรรย์ คือ ความประพฤติ) หมายถึง ความประพฤติที่ประเสริฐ การประพฤติดีทั้งหมด
๐ จินตาญาณ มีเฉพาะ พระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ไม่ต้องมี
สุตมยปัญญาก่อนเลยในชาตินั้น
๐ ค่อยๆ ละคลายความเป็นเราในจิตเห็น
๐ ฟังด้วยความเข้าใจที่ละเอียดขึ้น เพื่อละความไม่รู้
๐ ในฝันก็เป็นเพียงธรรมะ
๐ เดือดร้อนไหม ถ้าเวลานี้ สติสัมปชัญญะไม่เกิด
๐ ถ้าเป็นความเข้าใจจริงๆ ..ชาตินี้สติปัฏฐานไม่เกิด ไม่เดือดร้อนเลย
๐ ถ้าเดือดร้อน ก็ตัวตน
๐ สะสมความเข้าใจ ที่จะคลายตัวตน
๐ จะต้องไม่ใช่ความคิดทั้งหมด
๐ ปัญญาไม่เดือดร้อน สบายๆ แต่ไม่พัก และไม่เพียร ... ไม่พักในการที่
จะศึกษาธรรมะต่อไป ... ไม่เพียรในการที่จะทำสติปัฏฐาน
๐ ถ้ามีเหตุสมควร ผลย่อมเกิด
๐ ไม่เดือดร้อนด้วยความ .."ไม่รู้" ... คือ อยู่ไปสบายๆ ไม่ศึกษาธรรมะ
๐ขณะเข้าใจ ขณะนั้นค่อยๆ น้อมไปแล้ว
๐ ปกติ แข็ง เกิดปรากฏ กับ กายวิญญาณ แต่ไม่เกิดกับสติ
๐ สัมมาทิฏฐิ มี ๒ คือ ...
๑.โลกุตตรสัมมาทิฏฐิ
๒.โลกียสัมมาทิกฐิ ... มี ๒ คือ
๒.๑ กัมมสกตาสัมมาทิกฐิ ... ความมั่นคงเข้าใจในเรื่องกรรม และผลของกรรม
๒.๒ สัจจานุโลมมิกญาณ..คือ ปัญญาที่อนุโลมต่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอ.สุจินต์บริหารวนเขตต์ ที่อนุเคราะห์เกื้อกูลให้ชนเป็นอันมากเข้าใจในความลึกซึ้งของพระธรรมค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอ.ดวงเดือน บารมีธรรม ที่อนุเคราะห์เกื้อกูลบริจาคที่ดินเพื่อสร้างอาคาร มศพ. ค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา คณะอ.วิทยากรเป็นอย่างสูงค่ะ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ ^__^
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ฟังด้วยความเคารพ เปรียบนำภาชนะทองมารองรับมัทธุรส กราบอนุโมทนาสาธุในกุศลจิตค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เยี่ยมมากๆ ค่ะ
...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ คุณหมอ ด้วยค่ะ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ