จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นกัลยาณมิตร !
โดย พุทธรักษา  22 พ.ย. 2551
หัวข้อหมายเลข 10471

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง ถ้าเราอยู่ในกระแสของข้อมูลข่าวสาร มีการนำเสนอ สิ่งที่เรียกว่าเป็นธรรมะ แล้วก็ประกาศว่า นี้คือความจริง นี้คือความถูกต้องมีมากมายเหลือเกิน เลือกไม่ถูก จะเอาอะไรมาตัดสิน แล้วเราจะคัดสรรอย่างไร เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นกัลยาณมิตร ของเราหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ เจ้าค่ะ ถ้าเป็นพระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ จะปรากฏใน พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรมซึ่งเป็นเรื่องสภาพธรรมที่มีจริงเช่น ตามีจริง หูมีจริง จมูกมีจริง ลิ้นมีจริง กายมีจริง ใจมีจริง
ถ้าใครพูดถึงเรื่องธรรมะ คือสิ่งที่มีจริงและสามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจ สิ่งที่มีจริงได้ถูกต้องยิ่งขึ้นนั่นคือ "คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า"เพราะว่า เป็นการอธิบายให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจ ในสิ่งที่มีจริง...ในชีวิตจริงๆ .เช่น พราหมณ์สามีภรรยา ผู้มีอายุมาก เข้าไปเฝ้าพระพระผู้มีพระภาคแล้วกราบทูลถามให้ทรงแสดงธรรมะพระผู้มีพระภาคตรัสเรื่อง โลภะ โทสะ โมหะ ที่มีจริงพราหมณ์ทั้งสอง ชื่นชมยินดีในพระพุทธพจน์.
เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีจริงและบุคคลที่ฟังนั้น ก็มีสิ่งที่มีจริงนั้นๆ คนที่มีโลภะ แล้วอธิบายเรื่องโลภะให้เข้าใจขึ้นเมื่อเข้าใจ ก็รู้ได้ว่า พูดเรื่องจริง.คนที่มีโทสะ แล้วอธิบายเรื่องโทสะให้เข้าใจขึ้นเมื่อเข้าใจ ก็รู้ว่า พูดเรื่องจริง คนที่มีโมหะ มีความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมแล้วอธิบายเรื่องโมหะ บุคคลนั้นก็รู้ว่า โมหะมีจริง

เพราะฉะนั้น ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริงเจ้าค่ะ.!ใครสามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจถูกต้องขึ้นในความเป็น "อนัตตา" ในความเป็น "นามธรรมและรูปธรรม" คนนั้นก็พูดถูกตาม "พระพุทธพจน์" เพราะว่าพระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมด เป็นเรื่องจริงขณะนี้ก็มีค่ะ สภาพธรรม ตั้งแต่เกิดจนตาย คือ จิต เจตสิก รูป ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ไม่มี.!ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้.ขณะหลับ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึกขณะหลับ จะรู้ความจริงได้ไหมคะ รู้ไม่ได้.!เป็นเรื่องที่เราฟังแล้ว ต้องพิจารณาในเหตุผล

เพราะฉะนั้น จะรู้ความจริงได้ก็ต่อเมื่อเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึกขณะนั้น สิ่งใดมีจริง ก็ค่อยๆ ฟัง ให้เข้าใจเรื่องนั้นจนกว่าจะเห็น ความเป็นอนัตตาและความเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม ในสภาพธรรมนั้นจนกว่าปัญญาขั้นฟังจะเป็นปัจจัย ให้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมแล้วค่อยๆ เข้าใจ "ตัวจริงของธรรมะ" เพิ่มขึ้นไม่ใช่ได้ยินแต่ชื่อว่าเป็น จิต เจตสิก รูป ว่าเป็นอนัตตาแต่ตัวจริงๆ ของสภาพธรรม มีลักษณะจริงๆ ทรงใช้คำบัญญัติเป็นภาษาบาลีก็เพื่ออธิบายให้ทุกคนสามารถเข้าใจ "ตัวจริงของธรรมะ"เพราะเหตุว่า แม้มีสภาพธรรมจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช้คำ หรือชื่อที่จะอธิบาย ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่า หมายถึงสภาพธรรมใดเพราะฉะนั้นจึงต้องมีคำสำหรับใช้อธิบายให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง



บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ขออนุโมทนา



ความคิดเห็น 1    โดย suwit02  วันที่ 22 พ.ย. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 22 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่ตามใจ

กัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่พูดหวานกัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่พูดประจบกัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่หวังผลประโยชน์จากคนที่คบกัลยาณมิตร...ไม่ใช่คนที่แนะนำให้ทำชั่วแต่...

กัลยาณมิตร..ย่อมแนะนำสิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ห้ามจากความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดีและเป็นผู้ที่มีคุณธรรมคือศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา กัลยาณมิตรสูงสุดคือพระพุทธเจ้า

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 3    โดย ajarnkruo  วันที่ 22 พ.ย. 2551

จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นกัลยาณมิตร?ก็คงจะเหมือนกันกับคำถามที่ว่า...จะรู้ได้อย่างไรว่าใครไม่ได้เป็นกัลยาณมิตร?ที่แน่ๆ จะรู้ได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมจนเกิดปัญญาของตนเองปัญญาย่อมจะรู้ว่าใครเป็น หรือ ไม่เป็นกัลยาณมิตรกับเราแล้วก็จะช่วยทำให้รู้ขึ้นอีกด้วยว่า...ตัวเราเป็นกัลยาณมิตรกับใครเขาด้วยหรือไม่

...ขออนุโมทนาครับ...


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 22 พ.ย. 2551

เพราะฉะนั้น ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริงเจ้าค่ะ ใครสามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจถูกต้องขึ้นในความเป็น "อนัตตา" ในความเป็น "นามธรรมและรูปธรรม" คนนั้นก็พูดถูกตาม "พระพุทธพจน์" เพราะว่าพระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมด เป็นเรื่องจริงผู้ที่สามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงได้ถูกต้องยิ่งขึ้นท่านย่อมเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริง

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 23 พ.ย. 2551
ถ้าเป็น "เรา" รู้ไม่ได้ "ปัญญา" เท่านั้นที่รู้.......ว่าใครเป็น "กัลญาณมิตร"

ความคิดเห็น 6    โดย พุทธรักษา  วันที่ 23 พ.ย. 2551

ตัวเราเป็นกัลยาณมิตรกับใครเขาด้วยหรือไม่?น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่งขออนุโมทนาที่เตือนใจค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Noparat  วันที่ 24 พ.ย. 2551

การที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น ท่านมี "กัลยาณมิตร" แล้วค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย pornpaon  วันที่ 25 พ.ย. 2551

ยังจำข้อความส่วนหนึ่งของกระทู้เมื่อเร็วๆ นี้ได้ ว่า กุศลจิต - มิตรแท้ จะเป็นผู้มีกัลยาณมิตร หรือ เป็นกัลยาณมิตรกับใครหรือเปล่า ขณะไหน เวลาใด อ่านคำถามแล้วพิจารณาดู ไม่ง่ายเลย คำตอบ - คงจะเป็นเฉพาะ ขณะที่เป็นกุศลจิต เท่านั้น กระมัง

ขออนุโมทนาคุณปริศนา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 27 พ.ย. 2551

เชิญคลิกอ่าน

ลักษณะกัลยาณมิตร


ความคิดเห็น 10    โดย เข้าใจ  วันที่ 15 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ