[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 606
๑๐. สติปัฏฐานสูตร
[๑๓๑ ] ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยูในแควนกุรุทั้งหลาย (ทรงอาศัย) นิคมหนึ่งของชาวกุรุ ชื่อวา กัมมาสธัมมะ. ณ ที่นั้น พระผูมีพระภาคเจาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ เหลานั้นทูลรับพระผูมีพระภาคเจาแลว.
[๑๓๒] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์เพื่อก้าวล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัสเพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง. ทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ๔ ประการเปนไฉน
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ๑
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ๑
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ๑
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 209
๙. มหาสติปัฏฐานสูตร
[๒๗๓] ขาพเจา ไดสดับมาแลวอยางนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา เสด็จประทับอยูในหมูชนชาวกุรุ นิคม ของหมูชนชาวกุรุ ชื่อกัมมาสทัมมะ ในกาลนั้นแล พระผูมีพระภาคเจา ตรัส เรียกภิกษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ดังนี้. ภิกษุทั้งหลายเหลานั้น ทูล รับพระพุทธพจนของพระผูมีพระภาคเจาวา พระเจาขา ดังนี้. พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสพระพุทธภาษิตนี้วา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความก้าวล่วงซึ่งความโศกและความร่ำไร เพื่ออัสดงค์ดับไปแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อกระทำพระนิพพานให้แจ้ง ทางนี้คือสติปัฏฐาน (ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ) ๔ อย่าง. สติปัฏฐาน ๔ อย่างเป็นไฉน.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ มีความเพียรให้กิเลสเร่าร้อน มีสัมปชัญญะ มีสติ นำอภิชฌาและโทมนัส (ความยินดียินร้าย) ในโลกเสียให้พินาศ เธอย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่ มีความเพียรให้กิเลสเร่าร้อน มีสัมปชัญญะ มีสตินำอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียให้พินาศ เธอย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ มีความเพียรให้กิเลสเร่าร้อน มีสัมปชัญญะ มีสติ นำอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียให้พินาศ เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ มีความเพียรให้กิเลสเร่าร้อน มีสัมปชัญญะ มีสติ นำอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียให้พินาศ.
จบกถาว่าด้วยอุทเทสวาร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 260
ข้อความบางตอนจาก มหาสติปัฏฐานสูตร
ในพระสูตรนั้น ข้อว่า เป็นทางเดียว คือ เป็นทางเอก. แท้จริง ทางมีมากชื่อ คือ มัคคะ ปันถะ ปถะ ปัชชะ อัญชสะ วฏุมะ อยนะ นาวา อุตตรเสตุ กุลละ ภิสิสังกมะ ทางนี้นั้น ในที่นี้ ท่านกล่าวโดยชื่อว่า อยนะ เพราะฉะนั้น ในข้อที่ว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเดียวนี้ จึงควรเห็นความอย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเอกมิใช่ทางสองแพร่ง.
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ