บุญคุณของแม่
โดย tookta  21 เม.ย. 2557
หัวข้อหมายเลข 24748

วันนี้น้องที่ทำงานของเราที่ตั้งท้อง บ่นว่า ขนาดทาครีมแก้ท้องลายแล้ว ท้องยังลาย เลยทำให้เรานึกความเป็นแม่นี้จะต้องมีความเสียสละเสียมากมาย ต้องเสียสละตั้งแต่ตอนตั้งท้อง (คนที่เป็นแม่ที่รักสวยรักงามก็ต้องเสียสละเรื่องความงามต่างๆ ต้องอดทนในเรื่องความไม่สบายตัวต่างๆ) เป็นเวลาถึง 9 เดือน เมื่อถึงกำหนดคลอดยังต้องอดทนต่อความเจ็บปวดในการคลอดลูกของตนเองอีก แล้วยังต้องอดทนต่อการเลี้ยงดูในยามทารก (ต้องอดหลับ อดนอนในการดูแล)

พอโตขึ้นมาหน่อยในวัยเด็กก็ดื้อ และ เอาแต่ใจ แม่ก็ต้องทำใจที่พร่ำสอนเรื่องต่างๆ ด้วยความอดทนทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็มีโทสะเสียเหลือเกิน พอโตขึ้้นจนถึงวัยเรียนก็ไม่เชื่อฟัง (เพราะเชื่อแต่เพื่อน) แม่ก็ต้องชำ้ใจอีก แต่แม่ก็ต้องเข้มแข็งที่จะต้องเลี้ยงดูและอบรมบ่มนิสัยให้ลูกเป็นคนที่ดีโดยการทำมาหากินเพื่อมาสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกมีการศึกษาที่ดี จนกระทั่งจบการศึกษาจนมีครอบครัว แม่ก็ยังเฝ้าดู และ ดูแล เหมือนกับลูกนั้นเป็นเด็กเล็กๆ

ดังนั้น เราควรจะตอบแทนบุญคุณของ แม่ และ ก็พ่อของเราด้วย



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๒๙๔

“บุคคลใดเลี้ยงมารดาและบิดาโดยธรรม เพราะการบำรุงมารดาและบิดานั่นแล บัณฑิตย่อมสรรเสริญบุคคลนั้นในโลกนี้ทีเดียว บุคคลนั้นละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์

(พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค มาตุโปสกสูตร)

[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ หน้า ๑๖๐

ผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราสามารถพอที่จะเลี้ยงดูมารดาและบิดาผู้แก่เฒ่าชราได้ ก็มิได้เลี้ยงดูท่าน

(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ชนสันธชาดก)

มารดาบิดา เป็นบุพการี คือ ผู้ที่กระทำอุปการะแก่บุตรมาก่อน เป็นผู้ที่เอาใจใส่เลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตอย่างปลอดภัย โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ท่านเป็นผู้พร่ำสอนให้บุตรออกจากความชั่ว แล้วให้ตั้งอยู่ในความดี สอนให้รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้ศึกษาศิลปวิทยา วิชาชีพต่างๆ เพื่อให้บุตรมีความรู้ติดตัวอันจะเป็นบ่อเกิดแห่งการงานประการต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตของบุตรดำเนินไปด้วยความไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า เป็นต้น นี้คือ พระคุณของท่านซึ่งนำมากล่าวเป็นบางส่วน เพราะแท้ที่จริงแล้ว พระคุณของท่านทั้งสองมีมาก ไม่สามารถพรรณนาให้หมดสิ้นได้ และในคำสอนทางพระพุทธศาสนา พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงแสดงถึงพระคุณที่มารดาบิดามีต่อบุตรไว้มากมาย และเป็นบุคคลที่บุตรจะตอบแทนพระคุณท่านอย่างสมบูรณ์นั้น เป็นไปได้ยาก เพราะท่านทั้งสองมีพระคุณต่อบุตรเป็นอย่างมาก เป็นผู้มีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ แก่บุตรทั้งหลาย

และการตอบแทนพระคุณท่านอย่างสูงสุด คือ ให้ท่านทั้งสองดำรงตั้งมั่นในศรัทธา ศีล จาคะ (การสละวัตถุสิ่งของ, สละความตระหนี่) และ ปัญญา กล่าวคือ ให้ดำรงตั้งมั่นในกุศลธรรมทั้งหลาย นั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับบุตรธิดาทุกคนแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสของการทำความดี ไม่จำกัดเฉพาะวันใดวันหนึ่งเท่านั้น ควรน้อมระลึกถึงพระคุณของท่านและกระทำตอบแทน บุคคลมีความกตัญญูกตเวที (รู้อุปการที่ผู้อื่นกระทำให้แล้ว กระทำตอบแทน) เป็นผู้ที่บัณฑิตทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ทรงสรรเสริญแล้ว และมงคล คือ ความเจริญก็เกิดขึ้นแก่ผู้นั้นแล้ว ถ้าหากบุตรธิดาคนใดได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจธรรม แล้ว คอยเกื้อกูลให้บิดามารดาได้ฟัง ได้ศึกษาด้วยนั้น ยิ่งจะเป็นการตอบแทนพระคุณของท่านได้ดีอย่างยิ่งทีเดียว เพราะจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาซึ่งจะเป็นที่พึ่งในชีวิตของท่านได้อย่างแท้จริง

ความกตัญญูกตเวทีนั้นเป็นคุณธรรมประการหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้น ถึงแม้ว่าบุตรธิดาจะยังไม่สามารถกระทำตอบแทนมารดาบิดาได้อย่างสูงที่สุดก็ตาม แต่การที่ได้รู้ว่า ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณเลี้ยงดูเรามาแล้ว ทำการเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งดำรงตนอยู่ในความถูกต้องดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรธิดาจะพึงกระทำ

เมื่อมีโอกาสแล้ว ไม่ควรปล่อยโอกาสอันดีงามนี้ให้ผ่านไป ควรตั้งใจทำหน้าที่ของบุตรธิดาให้ดีที่สุด เท่าที่จะกระทำได้ ไม่มีคำว่ายาก และไม่มีคำว่าสาย ถ้าหากว่าเป็นผู้ที่มีความจริงใจและมีความตั้งใจอย่างมั่นคงที่จะน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม กล่าวคือ ความเป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา (เป็นต้น) ไม่ควรเลยที่จะทำให้ตนเองต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง เพราะมีโอกาสแล้ว สามารถจะเลี้ยงดู หรือ กระทำในสิ่งที่ดีงามตอบแทนมารดาบิดาได้ แต่ก็ไม่ได้กระทำ ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่ได้ยกมา ซึ่งควรค่าแก่การศึกษาและพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณ tookta และ ทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 22 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มารดา และ บิดา เป็นผู้มีบุญคุณและมีอุปการะมาก เพราะเป็นผู้ให้กำเนิด แสดงโลกนี้กับบุตร คือ ชี้ให้เห็นให้รู้สิ่งต่างๆ เป็นอาจารย์ เป็นครูคนแรก เพราะสั่งสอนบุตรให้รู้สิ่งที่ควร หรือ ไม่ควรก่อนใคร เป็นผู้สมควรแก่การให้สิ่งต่างๆ เป็นเนื้อนาบุญของบุตรเพราะท่านมีบุญคุณมาก ตามที่กล่าวมา หากไม่มีท่านทั้งสอง บุตรจะเกิดมาได้อย่างไร หากไม่มีมารดา บิดา ก็ไม่มีโอกาสได้อบรมปัญญา เจริญกุศลได้เลยครับ

เมื่อท่านมีพระคุณมากอย่างนี้ การตอบแทนท่านทั้งสอง จึงไม่ใช่ง่าย แม้จะให้ทรัพย์สมบัติ ทั้งจักรวาล มอบความเป็นใหญ่ แม้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ไม่ชื่อว่าตอบแทนท่านเลย เพราะเพียงให้สมบัติที่ให้ความสุขในโลกนี้เท่านั้นครับ แต่การตอบแทนที่เป็นตอบแทนท่านจริงๆ คือ การให้ความเข้าใจพระธรรม ให้เกิดกุศลธรรม มีศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา เป็นต้น เป็นการตอบแทนจริงๆ เพราะให้ประโยชน์ในโลกนี้ และประโยชน์ในโลกหน้า

เมื่อท่านมีความเข้าใจพระธรรม ท่านก็สามารถอบรมเจริญกุศล และอบรมปัญญาต่อไป จนถึงการดับกิเลสได้ในอนาคตครับ เปรียบเหมือน การที่ให้เราให้ปลากับชาวบ้าน กับ การสอนให้ชาวบ้าน หาปลาด้วยการให้เบ็ดและสอนวิธีหาปลา ย่อมหาปลาได้เอง ไม่ใช่เพียงแต่รับแต่ไม่สามารถหาปลาได้อีก เบ็ดก็เหมือนกุศลธรรมและปัญญา ที่จะสามารถหาปลา คือ ทรัพย์สมบัติและได้ปลา คือกุศลธรรม และ บรรลุ มรรค ผลได้ในที่สุด แต่พระธรรมไม่เป็นสาธารณะกับทุกคนและบิดา มารดาของทุกคน แต่ผู้เป็นบุตรก็ทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ทั้งการช่วยเหลือกิจการงาน ให้เงินและทองและเมื่อมีโอกาสก็แนะนำพระธรรมบ้างตามกาลเวลา โดยไมได้หวังว่าท่านจะสนใจหรือไม่อย่างไร เพราะได้ชื่่อว่าทำหน้าที่ของบุตรที่ดีที่สุดแล้ว

ดูก่อนบุตรคหบดี มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า บุตรควรทะนุบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ

๑. ท่านได้เลี้ยงเรามาแล้ว เราจักเลี้ยงดูท่านเหล่านั้น

๒. เราจักทำกิจของท่าน

๓. เราจักดำรงวงศ์ตระกูลไว้

๔. เราจักปฏิบัติตนเป็นผู้รับมรดก

๕. เมื่อมารดาบิดาล่วงลับไปแล้ว เราจักเพิ่มทักษิณาทานให้

บุตรธิดาผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดานั้น บัณฑิตทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้ว ความกตัญญูนั้นเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้นถึงแม้ว่า บุตรธิดาจะยังไม่สามารถกระทำตอบแทนมารดาบิดาได้อย่างสูงที่สุดก็ตาม แต่การที่ได้รู้ว่า ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณเลี้ยงดูเรามาแล้ว ทำการเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งดำรงตนอยู่ในความถูกต้องดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรธิดาจะพึงกระทำ

ดังนั้น บุตรจึงควรระลึกถึงคุณของท่านที่มีมากและทำการตอบแทนท่านในทุกๆ ทางตามกำลังความสามารถของบุตรที่มี ดังเช่นที่ท่านเลี้ยงเรามา วันแม่จึงไม่ใช่มีวันเดียว แต่วันใดก็ตามก็เป็นวันที่เราควรทำดีกับบิดามารดาของเราเพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณกับเรามากครับ

ข้อความในพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า การบูชาคุณ ตอบแทนพระคุณ บิดามารดา แท้จริงคืออย่างไร

ก็ถ้าบุตรวางมารดาไว้บนจะงอยบ่าขวา บิดาไว้บนจะงอยป่าซ้าย ด้วยหมายจักทำตอบแทนแก่ท่าน พึงประคับประคองในอวัยวะทั้งปวง ทำการบำรุงท่าน ผู้ดำรงอยู่บนจะงอยบ่าทั้ง ๒ นั้นนั่นแล ด้วยกิจมีการอบกลิ่นเป็นต้น,แม้มารดาบิดานั้น พึงนั่งถ่ายปัสสาวะและอุจจาระบนจะงอยบ่าทั้ง ๒ ของบุตรนั้นแล, บุตรนั้น ถึงทำอยู่อย่างนั้นตลอด ๑๐๐ ปี ก็ไม่อาจทำตอบแทนแก่ท่านได้เลย. แม้ถ้าบุตรพึงสถาปนาบิดาไว้ในความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ มารดาไว้ในความเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิไซร้, แม้อย่างนั้น ก็ไม่อาจทำตอบแทนได้เหมือนกัน.

ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดา ผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยศรัทธา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยศีล ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยการให้ยังมารดาบิดาผู้ทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยปัญญา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา

ข้อความบางตอนจาก ปันธรรม ครับ

พ่อแม่มีพระคุณมากมากมาย ควรอย่างยิ่งที่จะได้กระทำคุณความดีตอบแทนท่าน ถ้าไม่รู้หน้าที่ของท่าน ที่จะปฏิบัติต่อผู้ที่ควรนอบน้อมอย่างยิ่ง คือมารดาบิดาก็แสดงว่า กิเลสของท่านมากมายหนาแน่นเหลือเกิน แล้วจะดับกิเลส ถึงเป็นพระอริยบุคคลได้อย่างไร

เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ได้ที่นี่ ครับ

บุตรควรรู้คุณของมารดาบิดาอย่างไร

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 3    โดย papon  วันที่ 22 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย jaturong  วันที่ 22 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย เจียมจิต  วันที่ 7 ส.ค. 2560

ขอกราบอนุโมทนาค่ะ

และขอบพระคุณมากค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย thilda  วันที่ 2 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 12 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ