การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมมีถึง ๔ ขั้น คือ
ขั้นที่ ๑ เมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล ดับความเห็นผิดที่เคยยึดถือนามธรรมและรูปธรรมทั้งหลายเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนแล้ว แต่ยังมีโลภะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ ที่สะสมมานานมากในจิตใจ เมื่อพระโสดาบันบุคคลเจริญปัญญาต่อไป ก็รู้แจ้งอริยสัจจธรรมขั้นที่ ๒
ขั้นที่ ๒ เป็นพระสกทาคามีบุคคล ดับความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่างหยาบ แต่ก็ยังมีโลภะ โทสะ โมหะเหลืออยู่ ยังไม่หมดไปง่ายๆ แต่ที่จะไม่ให้มีโทสะเลยนั้นต้องเป็นการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมขั้นที่ ๓
ขั้นที่ ๓ คือ ต้องถึงขั้นเป็นพระอนาคามีบุคคล พระอนาคามีบุคคลไม่มีโทสะเลย เพราะดับโลภะขั้นยินดีพอใจใน รูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโทสะ ได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท
พระอริยบุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ขั้นสุดท้าย คือ พระอรหันต์ ผู้ดับกิเลสหมดสิ้น ไม่มีเชื้อของกิเลสใดๆ เหลือเลย การศึกษาธรรมโดยละเอียด จะทำให้เข้าใจหนทางปฏิบัติที่ทำให้บรรลุผลที่ต้องการโดยถูกต้อง คือ เมื่อไม่ต้องการให้มีโทสะ ก็จะต้องศึกษาและปฏิบัติหนทาง ที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจ์จนเป็นพระอนาคามีบุคคล
ขอนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบท่านอจ. และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ