การขวนขวายรับใช้บิดามารดาด้วยความรู้คุณของท่าน และกระทำตอบแทนคุณ เป็นสภาพของกุศลจิตที่เป็นไปในบุญกิริยาวัตถุทั้งทานและศีล แต่ถ้ากระทำด้วยความรักความผูกพันโดยมากสภาพจิตย่อมเป็นอกุศล
มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๒ - หน้าที่ 260
[๓๓๔] การบำรุงมารดาบิดาตามที่กล่าวแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "เป็นมงคล" เพราะนำมาซึ่งอิฐผลทั้งหลายมีความสรรเสริญเป็นต้นใน โลกนี้ ด้วยประการนี้แล. อีกนัยหนึ่ง การบำรุง ๕ อย่าง ด้วยสามารถการเลี้ยง การช่วยทำกิจ ดำรงวงศ์สกุล ประพฤติสมควรซึ่งความเป็นผู้รับทรัพย์มรดกและตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ชื่อว่า การบำรุง. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาค เมื่อจะทรงแสดงธรรมแก่คฤหบดีบุตรชื่อ สิคาลกะ จึงตรัสว่า
"คฤหบดีบุตร ทิศเบื้องหน้าคือมารดาบิดา อันบุตรพึงบำรุง ด้วยฐานะ ๕ คือ เราอันท่านเลี้ยงแล้วจักเลี้ยงท่าน ๑ จักทำกิจของท่าน ๑ จัก ดำรงวงศ์สกุล ๑ จักปฏิบัติซึ่งความเป็นผู้รับทรัพย์มรดก ๑ ก็อีกอย่าง หนึ่ง เมื่อท่านถึงแก่กรรมล่วงลับไปแล้ว จักตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา ๑" คฤหบดีบุตร ทิศเบื้องหน้าคือมารดาบิดา อันบุตรพึงบำรุงด้วยฐานะ ๕ เหล่านี้แล."
ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ เมื่อจะแสดงธรรมแก่พระราชา ได้กล่าวคาถาว่า
[๓๑๓] "นรชนใด เลี้ยงมารดาหรือบิดาโดย ธรรม, แม้เทพยดาทั้งหลายก็ย่อมช่วยแก้ไข นรชนผู้เลี้ยงมารดาบิดานั้น. นรชนใดเลี้ยงมารดา หรือบิดาโดยธรรม, นักปราชญ์ทั้งหลายย่อม สรรเสริญนรชนนั้นในโลกนี้นี่เอง, เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์."