นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
ปฐมเอสนาสูตร เป็นต้น
...จาก...
[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๖๑
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๗ ม.ค. ๒๕๕๕)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร
[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๖๑
เอสนาวรรคที่ ๑๒ ๑. ปฐมเอสนาสูตร (ว่าด้วยการแสวงหา ๓ อย่าง)
[๒๙๘] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ การแสวงหากาม ๑ การแสวงหาภพ ๑ การแสวงหาพรหมจรรย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การแสวงหา ๓ อย่างนี้แล. [๒๙๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ ควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ...ฯลฯ..ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหา ๓ อย่างนี้แล . จบปฐมเอสนาสูตรที่ ๑
อรรถกถาปฐมเอสนาสูตร พึงทราบวินิจฉัยในปฐมเอสนาสูตรที่ ๑ แห่งเอสนาวรรค ดังต่อไปนี้ .- บทว่า กาเมสนา ได้แก่ การแสวงหา ค้นหา เที่ยวหา ปรารถนากามทั้งหลาย. บทว่า ภเวสนา ได้แก่ การแสวงหาภพทั้งหลาย. บทว่า พฺรหฺมจริเยสนา ได้แก่ การแสวงหาพรหมจรรย์ กล่าวคือมิจฉาทิฏฐิ. จบอรรถกถาปฐมเอสนาสูตรที่ ๑.
๙. วิธาสูตร (ว่าด้วยการถือตัว ๓ อย่าง)
[๓๑๓] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การถือตัว ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ การถือตัวว่า เราประเสริฐกว่าเขา ๑ เราเสมอเขา ๑ เราเลวกว่าเขา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การถือตัว ๓ อย่างนี้แล. [๓๑๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละการถือตัว ๓อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ...ฯลฯ... ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละการถือตัว ๓ อย่างนี้แล.
จบวิธาสูตรที่ ๙
อรรถกถาวิธาสูตรที่ ๙
บทว่า วิธา ได้แก่ ส่วนแห่งมานะ หรือ การตั้งไว้ซึ่งมานะ. บทว่า เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา ได้แก่ ส่วนแห่งมานะ หรือการตั้งไว้ซึ่งมานะอย่างนี้ว่าเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา. จบอรรถกถาวิธาสูตรที่ ๙.
๑๐. อาสวสูตร (ว่าด้วยอาสวะ ๓) [๓๑๕] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ กามาสวะ ๑ ภวาสวะ ๑ อวิชชาสวะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะ ๓ อย่างนี้ [๓๑๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละอาสวะ ๓ อย่างนี้แล ...ฯลฯ … ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ...ฯลฯ... จบอาสวสูตรที่ ๑๐.
๑๑. ภวสูตร (ว่าด้วย ภพ ๓) [๓๑๗] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ กามภพ ๑ รูปภพ ๑ อรูปภพ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓อย่างนี้แล [๓๑๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละภพ ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยมรรค ๘ นี้ ...ฯลฯ… จบภวสูตรที่ ๑๑.
๑๒. ทุกขตาสูตร (ว่าด้วย ความเป็นทุกข์ ๓) [๓๑๙] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นทุกข์ ๓ อย่าง นี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นทุกข์เกิดจากความไม่สบายกายความไม่สบายใจ ๑ ความเป็นทุกข์เกิดจากสังขาร ๑ ความเป็นทุกข์เกิดจากความแปรปรวน ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเป็นทุกข์ ๓ อย่างนี้แล
[๓๒๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละความเป็นทุกข์ ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ... จบทุกขตาสูตรที่ ๑๒.
๑๓. ขีลสูตร (ว่าด้วยเสาเขื่อน ๓) [๓๒๑] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เสาเขื่อน ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน ได้แก่ เสาเขื่อนคือราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เสาเขื่อน ๓ อย่างนี้แล [๓๒๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละเสาเขื่อน ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ... จบขีลสูตรที่ ๑๓.
๑๔. มลสูตร (ว่าด้วยมลทิน ๓) [๓๖๓] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มลทิน ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน ได้แก่มูลทิน คือ ราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย มลทิน ๓ อย่างนี้แล. [๓๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละมลทิน ๓ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ...ฯลฯ…
จบมลสูตรที่ ๑๔.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป
ปฐมเอนสนาสูตร (ว่าด้วยการแสวงหา ๓ อย่าง) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงการแสวงหา ๓ อย่าง คือ การแสวงหากาม การแสวงหาภพ การแสวงหาพรหมจรรย์ (ในที่นี้คือ ความเห็นผิด) พร้อมทั้งทรงแสดงว่า ควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งการแสวงหาเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป
วิธาสูตร (ว่าด้วยการถือตัว ๓ อย่าง) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมานะ ๓ อย่าง คือ สำคัญว่าประเสริฐกว่าเขา สำคัญว่าเสมอเขา สำคัญว่าเลวกว่าเขา พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งมานะเหล่านั้น
ข้อความโดยสรุป อาสวสูตร (ว่าด้วยอาสวะ ๓)
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอาสวะ (กิเลสที่หมักดอง,ไหลไป) ๓ อย่าง คือ ความติดข้องในกาม ความติดข้องในภพ และ ความไม่รู้ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญ
อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งอาสวะเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป ภวสูตร (ว่าด้วยภพ ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงภพ ๓ คือ กามภพ รูปภพ และ อรูปภพ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งภพเหล่านั้น
ข้อความโดยสรุป ทุกขตาสูตร (ว่าด้วย ความเป็นทุกข์ ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทุกข์ ๓ อย่าง คือ ทุกข์กายทุกข์ใจ, ทุกข์อันเกิดจากสังขาร และ ทุกข์อันเกิดจากความแปรปรวน พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งทุกข์เหล่านั้น
ข้อความโดยสรุป
ขีลสูตร (ว่าด้วยเสาเขื่อน ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงกิเลสที่เป็นดุจเสาเขื่อน (ปักแน่น) ๓ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งกิเลสที่เป็นดุจเสาเขื่อนเหล่านั้น ข้อความโดยสรุป มลสูตร (ว่าด้วยมลทิน ๓) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมลทิน ๓ ประการ คือ ราคะ โทสะ โมหะ พร้อมทั้งทรงแสดงว่าควรเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละซึ่งมลทินเหล่านั้น. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ แสวงหาอะไร? แสวงหาสิ่งต่างๆ จนได้มาเพื่อทิ้ง อาสวะ มานะ ใจเจียม ด้วยไม่มีมานะ กามภพ รู้ทุกข์... ภัย [มลสูตร] ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ