ไม่ฟังพระธรรม ย่อมหมดโอกาสที่จะเข้าใจ ที่ บ้านธัมมะ ลำพูน 20 ก.พ. 2561
โดย khampan.a  20 ก.พ. 2561
หัวข้อหมายเลข 29505

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม

ที่บ้านธัมมะ ลำพูน

วันอังคารที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑



~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ไม่ใช่คำของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องอาศัยการทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) นานเท่าไหร่ กว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้ยิน และเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

~ เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังพระธรรมเลยตลอดชีวิต ก็ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม (คือเป็นสิ่งที่มีจริงๆ )

~ ต้องฟังพระธรรมจนกระทั่งความเข้าใจเกิดขึ้น และความเข้าใจเกิดขึ้นขณะใด ก็จะมีความค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ทุกขณะ เป็นธรรม

~ การศึกษาธรรม เป็นการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งควรค่าแก่การเคารพอย่างยิ่ง ไม่ควรที่เราจะคิดเองหรือว่าต่อแต่งเติม

~ ไม่มีสักขณะเดียวที่ไม่ใช่ธรรมหรือว่าพ้นจากธรรม กว่าจะถึงความเข้าใจธรรม ก็จะต้องเป็นผู้ที่อดทน เป็นผู้ที่ตรง เป็นผู้ที่มั่นคง ว่า ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังคำเหล่านี้ ไม่มีวันในสังสารวัฏฏ์ที่จะรู้ความจริงได้ ว่า เดี๋ยวนี้เป็นธรรม

~ ธรรมเดี๋ยวนี้ คืออะไร ธรรมไม่ใช่อยู่ในหนังสือ ไม่ใช่อยู่ในตำรา แต่เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็น เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ เกิดขึ้นเห็นแล้วก็ดับไป ขณะที่ได้ยิน ก็เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ เกิดขึ้นให้รู้ว่ามีจริง

~ ขณะนี้ ถ้าไม่เข้าใจ แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจ

~ เมื่อมีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมแต่ละครั้ง ก็จะเพิ่มความลึกซึ้งขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าใครฟังธรรมแล้วรู้สึกว่า ง่าย คนนั้นก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่รู้ว่าคำที่ได้ยินมีค่ามากในสังสารวัฏฏ์ เพราะทำให้จากที่ไม่เคยรู้มาก่อน เป็นค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ ตั้งแต่เช้าจนถึงเดี๋ยวนี้ มีการฟังพระธรรมบ้าง แค่ฟังบ้าง แต่เทียบกับขณะที่ไม่ได้ฟัง การฟัง น้อยมาก เพราะฉะนั้น ขณะที่ไม่ได้ฟัง ความไม่รู้มากแค่ไหน เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่

~ ฟังพระธรรม เพื่อความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าความเข้าใจที่สะสมไว้ค่อยๆ มั่นคงขึ้น

~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ทั้งหลาย ความไม่รู้ทั้งหลาย จะหมดสิ้นโดยประการทั้งปวง ก็ด้วยปัญญาเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยอย่างอื่น ไม่ใช่เราที่จะพยายามไปทำให้เกิดปัญญา แต่ว่าปัญญาความเข้าใจถูกขณะนั้นเองเข้าใจตรงตามความเป็นจริง แต่ต้องเริ่มจากทีละเล็กทีละน้อย


~ โลภะ (ความติดข้องยินดีพอใจ) ไม่ได้พาให้ออกจากสังสารวัฏฏ์ฎ์

~ ธรรม ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน เพราะเกิดมาก็เป็นธรรมจนตาย ไม่ต้องแสวงหาเลย จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะเห็นอะไร จะคิดอะไร จะรับประทานอะไร ทุกอย่างหมด เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง

~ ธรรม ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง และ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แต่เป็นสิ่งที่มีจริงที่มีลักษณะแต่ละหนึ่ง เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

~ ไม่มีใครเป็นผู้สร้างหรือผู้กระทำ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย และเมื่อเกิดแล้ว ก็ไม่ตั้งอยู่นาน เกิดแล้วก็ดับไป

~ ธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง

~ สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง เกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลย จะย้อนกลับไปชาติก่อนสักหนึ่งชาติก็ไม่ได้ แม้แต่ชั่วขณะจิตเมื่อกี้นี้ที่ดับไป จะย้อนกลับไปให้เป็นอย่างนั้นอีก ก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดใหม่แล้วตามเหตุตามปัจจัยใหม่ทุกขณะ

~ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ เพื่อสะสมความเข้าใจ เพื่อปัญญาจะเจริญขึ้น นี่คือ ภาวนา ซึ่งเป็นการอบรมจนกระทั่งสามารถเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ต้องฟังธรรม อีกนานไหม? ต้องฟังอีกนาน ฟังอีกนานเท่าไหร่? ฟัง อีกนานจนกว่าจะเข้าใจขึ้นๆ เรื่อยๆ ถ้าไม่ฟังเลย ก็คือ หมดโอกาส (ที่จะเข้าใจ)

~ สิ่งที่มีจริงเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง แค่นี้ก็จะรู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น ความเข้าใจที่สะสมมาจากการที่ได้ฟังมามาก ก็สามารถที่จะเห็นตามความเป็นจริง เข้าใจอย่างมั่นคง ถ้าความสามารถถึงขั้นประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรม พร้อมเมื่อไหร่ ก็ประจักษ์แจ้งเมื่อนั้น เพราะว่าความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงตามที่ได้ฟัง ทุกสมัย ทุกกาล

~ กัลยาณมิตร หมายถึง มิตรที่ดี ผู้หวังดีต่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระองค์ทรงเกื้อกูล) ให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งเป็นความเข้าใจของบุคคลนั้นนั่นเองที่จะละกิเลสของบุคคลนั้นเอง ใครๆ ก็ไปละความไม่รู้ให้ใครไม่ได้ นอกจากคำที่กล่าวถึงความจริงที่สามารถเข้าใจได้ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำของพระองค์
~ ฟังธรรม เพื่อละความไม่รู้ ต้องไม่ลืมว่า ฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้ เพราะว่าความไม่รู้ มีมาก ไม่ใช่ว่าด้วยโลภะที่อยากจะรู้มากๆ แต่ฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้ในขณะที่กำลังเข้าใจ

~ ฟังพระธรรม ไป เข้าใจไป ฟังไว้ เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย เรื่อยๆ มั่นคง จนความเข้าใจเพิ่มขึ้น

~ กว่าจะเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม ต้องอาศัยการฟังธรรม มากเท่าไหร่
~ ฟังธรรม วันนี้พอหรือ? ยังไม่พอ ก็ต้องฟังอีก
~ ผู้ที่เห็นคุณของพระธรรมแต่ละคำ เห็นคุณค่าสูงสุด ว่า ถ้าไม่มีการฟัง จะไม่มีปัญญา จะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงได้เลย จึงไม่ละเว้น ที่จะฟัง เพื่อสะสมความเข้าใจจากการฟัง


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย swanjariya  วันที่ 21 ก.พ. 2561

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์และกราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่าน

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณสมาชิกบ้านธัมมะลำพูน ผู้ดำเนินการจัดให้มีการสนทนาธรรม ท่านผู้ร่วมสนทนาธรรม และทีมงานมศพ.ทุกท่านที่ดำเนินการถ่ายทำและบันทึกภาพในครั้งนี้


ความคิดเห็น 2    โดย panasda  วันที่ 21 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย peem  วันที่ 21 ก.พ. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย siraya  วันที่ 21 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย papon  วันที่ 21 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย thilda  วันที่ 21 ก.พ. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เมตตา  วันที่ 22 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ในกุศลจิต ของ อ.คำปั่น ค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย p.methanawingmai  วันที่ 22 ก.พ. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ประสาน  วันที่ 22 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด


ความคิดเห็น 10    โดย s_sophon  วันที่ 22 ก.พ. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย Boonyavee  วันที่ 25 ก.พ. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 10 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย Kalaya  วันที่ 10 ม.ค. 2564

ซาบซึ้งและกราบอนุโมทนา ท่านอาจารย์และทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย สิริพรรณ  วันที่ 11 ม.ค. 2564

กราบยินดีในกุศลทุกท่านด้วยความเคารพค่ะ