ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๕ * *
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา เพื่อทุกคนที่สะสมมาแต่ละอัธยาศัยที่เมื่อฟังแล้วจะเป็นประโยชน์ คือ ยากที่จะละอกุศล แต่อย่างน้อยที่สุดรู้ว่า อกุศล ควรละ ก็ยังเป็นหนทางที่จะทำให้ค่อยๆ ฟังพระธรรมเข้าใจขึ้น จนกระทั่งปัญญามีกำลังและปัญญาก็ทำหน้าที่ของปัญญาได้
~ ฟังพระธรรม เข้าใจ แล้วก็เบิกบาน เพราะพ้นจากความไม่รู้ซึ่งสะสมมานานมาก และไม่มีใครนำความไม่รู้ออกไปได้เลย นอกจากพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงทีละคำ
~ กิเลสมากเหลือเกิน แล้วอะไรจะเป็นเครื่องค่อยๆ ขัดเกลา อยากจะมีปัญญา แต่ถ้าไม่มีคุณความดีอื่นๆ เลย จะไหวไหม? จะเอาปัญญามาจากไหน? เพราะถูกกลุ้มรุมด้วยความไม่ดีหรือความต้องการอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้ ไม่ประมาทในกุศลทุกประเภท และกุศลนั้นก็คือบารมี เป็นเครื่องที่จะนำไปสู่การที่จะมีจิตที่เบาสบายปลอดโปร่งไม่ต้องกังวลเดือดร้อนด้วยอกุศลซึ่งพัวพัน ทำให้สามารถที่จะฟังธรรมก็เข้าใจ
~ ขณะใดก็ตาม จิตที่ดีเกิดขึ้น กายดี วาจาดี เพราะใจดี ถ้าขณะใดก็ตาม กายก็แย่ วาจาก็แย่ แย่คือในทางที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ก็เกิดจากจิตที่ไม่ดีนั่นแหละ
~ ไม่มีเรา ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น หลงติด หลงพอใจ แล้วก็สูญ แม้ขณะนั้นยังไม่มาถึง คือ ความตายที่จะพรากไปจากทุกอย่าง แต่ขณะนี้ก็กำลังพรากไปจากสิ่งที่กำลังปรากฏทุกขณะ
~ คำพูดตรง จะเหมาะสำหรับบางคนที่พร้อมจะฟังเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่พร้อมที่จะฟัง ก็จะน้อยใจ จะเสียใจ จะโกรธ
~ ไม่มีเราจริงๆ ผ่านไปแล้ว หมดแล้ว ดับแล้ว นี้ เป็นหนทางเดียวที่จะไม่เดือดร้อน ไม่มีเรา สบายมาก ถ้าค่อยๆ เข้าใจ จนกระทั่งหมดความเป็นเราได้
~ การฟังธรรมด้วยความเป็นตัวตนที่อยากจะเข้าใจธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ แต่ฟังเพราะสำนึกว่า เป็นผู้ไม่รู้ ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นได้
~ พระธรรมแต่ละคำ เพื่อให้แต่ละบุคคลเกิดปัญญาความเห็นถูกต้องในความไม่ดีของตนเอง ในอกุศลของตนเอง เพื่อที่จะรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพราะว่า ก่อนอื่น ถ้ายังคงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา จะดับกิเลสใดๆ ไม่ได้เลย
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ทำให้สามารถที่จะไตร่ตรองแล้วก็มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพื่อที่จะตัดสินด้วยตัวเองว่าจะมอบตนแก่พระศาสดาหรือพระรัตนตรัยหรือเปล่า? มอบตนที่จะเป็นผู้ที่มีพระศาสดาคือผู้ที่เป็นที่พึ่งไม่มีใครเหนือได้ในคำสอนที่สามารถจะทำให้คนที่ไม่ดีค่อยๆ ดีขึ้นด้วยตนเอง เพราะเหตุว่า คนอื่นก็ทำอะไรให้ไม่ได้เลย แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมไว้โดยละเอียดอย่างยิ่งแล้ว แต่ถ้าใครไม่เห็น ใครไม่เข้าใจ ใครไม่ประพฤติตาม พระองค์จะว่าอะไรเขาได้
~ เริ่มเข้าใจธรรมทีละคำ คำที่เข้าใจแล้วไม่เปลี่ยน แล้วก็มีคำต่อไปที่ฟังอีกเข้าใจอีกเพิ่มขึ้น สอดคล้องกัน ตรงกัน นั่นก็คือ ความเข้าใจ
~ ญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดสนิทสนมคุ้นเคยกัน ก็พบปะกันบ่อยๆ แต่ว่าใครล่ะที่จะอยู่ใกล้ยิ่งกว่าญาติสนิทมิตรสหาย คือ อยู่เป็นประจำ ธรรม (สิ่งที่มีจริง) นั้น ก็คือ ตัณหา (หรือ โลภะ ความติดข้องต้องการ) ซึ่งอยู่ประจำใจ
~ อย่าลืมว่า ไม่เคยอยู่คนเดียว เพราะว่ามีเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้วยใกล้ชิดที่สุด ไม่ห่างเลย คือ โลภะ จริงหรือเปล่า? อยู่ที่ไหนก็ได้ที่เข้าใจว่าอยู่คนเดียว ลองคิดดูว่า ในขณะนั้น ใจคิดถึงอะไรบ้าง นึกถึงใครบ้าง นึกถึงเรื่องอะไรบ้าง แล้วจะกล่าวว่าอยู่คนเดียวได้อย่างไร เพราะฉะนั้น โลภะไม่เคยจากไปไกลเลย อยู่ใกล้เคียงตลอดเวลาในสังสารวัฏฏ์
~ ขณะใดที่กุศลเกิด ไม่เป็นไปตามโลภะ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องของกุศลธรรมไว้มาก และทรงแสดงชี้แจงเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหมดไว้โดยละเอียด เพื่อที่จะให้เห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของการอบรมเจริญกุศล โดยประการที่จะทำให้ผู้ฟังได้พิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ มากๆ โดยประการทั้งปวง เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดขึ้น
~ ถึงใครจะโกรธ ก็ไม่โกรธตอบ รู้จักให้อภัย เห็นใครกำลังโกรธ ในขณะนั้นจะไม่มีความรู้สึกขุ่นเคืองใจ หรือไม่โกรธตอบ แต่ให้อภัยคนที่กำลังโกรธ ความโกรธไม่ว่าจะเป็นของใคร ก็มีอาการที่ไม่สงบ ประทุษร้าย เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นคนที่กำลังโกรธจริงๆ เห็นอาการประทุษร้ายจิตใจที่กำลังเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น เห็นโทษทันที เวลาที่เห็นความโกรธของบุคคลอื่น แล้วตัวเองเมื่อเห็นโทษอย่างนั้น ยังอยากจะโกรธเหมือนอย่างนั้นหรือ?
~ ยิ่งมีเมตตาแทนโลภะมากเท่าไหร่ บุคคลอื่นย่อมได้รับผลดีมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับผลดี เป็นผลดีทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งสำหรับผู้ที่มีเมตตา และสำหรับผู้ที่ได้รับความเมตตาด้วย แต่ถ้ามีแต่โลภะ วันหนึ่งก็จะต้องมีปัจจัยให้เกิดโกรธขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นเมตตาแล้ว ยิ่งเมตตาเจริญขึ้น ความโกรธก็จะน้อยลง ความหวังดีจริงๆ ก็จะเพิ่มขึ้น
~ ทำดีและศึกษาพระธรรม ชีวิตนี้ จึงมีค่า คุ้มกับการเกิดมา ไม่เป็นโทษเป็นภัยแม้กับตนเองและคนอื่นเลย และก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ด้วยจากการเป็นคนดีและการเข้าใจธรรม คงไม่ลืม ดีสักเท่าไหร่ก็ตามในโลกนี้ไม่ว่าใครที่ไหนจนกระทั่งถึงความเป็นอรูปพรหมบุคคล แม้ความดีนั้น ก็ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะเหตุว่ายังมีความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม
~ เรากำลังเข้าใจธรรม ใช่ไหม? ถ้าคนอื่นเขาเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจ ดีไหม? หรือแค่เราเข้าใจคนเดียวก็ชื่นใจพอแล้ว ไม่ต้องคนอื่นเข้าใจ? แต่ทำไมเราเข้าใจได้ ถ้าไม่มีใครที่พูดถึงพระธรรม สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเองไหม ไม่ว่าใคร จะไม่มีการสามารถคิดเองได้เลย แต่เมื่อได้มีความเข้าใจธรรม ความเข้าใจธรรมนั่นแหละช่วยให้เข้าใจสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วได้ถูกต้อง ว่า อะไรถูก อะไรผิด เป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่แต่เฉพาะในชาตินี้แต่ในสังสารวัฏฏ์ของแต่ละคน เพราะฉะนั้น คนที่กำลังจมอยู่ในความไม่รู้ซึ่งมากมายมหาศาล ถ้ามีแสงสว่างที่ทำให้เขาสามารถที่จะเริ่มพิจารณาไตร่ตรองตามที่แต่ละคนได้สะสมมาว่าจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน นี่คือ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ไม่ใช่สำหรับเราคนเดียวที่จะเข้าใจ แต่ใครก็ได้ทั้งหมดที่สะสมมา เพราะเหตุว่า ไม่มีทางที่จะออกจากความไม่รู้และสังสารวัฏฏ์ได้เลย แต่เมื่อใดที่มีความเข้าใจแล้ว คิดถึงคนอื่นบ้างไหม? หรือว่าทำไมต้องคิดถึงคนอื่น? นั่นผิดแล้ว ใช่ไหม? ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อคนอื่น เพราะฉะนั้น ทุกคำมีประโยชน์อย่างยิ่ง ด้วยความเป็นมิตรที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องในพระธรรม ซึ่งขณะนี้ทุกคนเริ่มจะเข้าใจ ว่า ถ้าไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่มีทางที่จะเข้าใจพระธรรมได้เลย เพราะเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในความดีของทุกท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง ที่ชาตินี้ ได้ให้มีโอกาสเข้าใจพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากการเข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดง
กราบขอบพระคุณ อ. คำปั่น อักษรวิลัย และ อาจารย์วิทยากรทุกท่านที่สนทนาธรรมด้วยค่ะ
พระธรรมแต่ละคำ เพื่อให้แต่ละบุคคลเกิดปัญญาความเห็นถูกต้องในความไม่ดีของตนเอง ในอกุศลของตนเอง เพื่อที่จะรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพราะว่า ก่อนอื่น ถ้ายังคงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา จะดับกิเลสใดๆ ไม่ได้เลย
ยินดีในความดีค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ