ทำอกุศลเพื่อกุศลได้หรือ
กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้ อกุศลก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้เช่นกัน เช่น คนที่ไปขโมย หรือไปปล้นเขามาให้ชาวบ้านและเด็กกำพร้ายากจน เป็นต้น ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน เราก็มีทั้งกุศลและอกุศลสลับกัน
การกระทำบางอย่าง แม้จะอ้างว่าเพื่อกุศล แต่การกระทำนั้นไม่ควร ก็ไม่ควรทำใน ธนัญชานีสูตร พราหมณ์คนหนึ่ง อ้างว่าที่เขาทำชั่วเพราะต้องเลี้ยงมารดาบิดา เป็นต้น พระสารีบุตร ถามว่า เมื่อเป็นดังนั้น นายนิรยบาล (คนลงโทษในนรก) จะฟังเหตุผลที่ท่านทำชั่ว เพราะมารดาบิดาไหม ก็ไม่แน่นอนเพราะเป็นกรรมชั่ว ฉันใด แม้การกระทำในเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ครบกรรมบถที่ตกนรก หรือผิดศีล ๕ แต่เป็นการกระทำที่เป็นกายทุจริต ไม่มีความละอายและถามว่า กรรมที่เขาทำให้ตัวเองสุขโสมนัสกับสิ่งที่ทำ หรือเดือดร้อนใจภายหลัง ก็เดือดร้อนใจภายหลังแน่นอน ก็เป็นอกุศลครับ
จะขอยกข้อความพระไตรปิฎกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการตัดสินสิ่งที่ทำครับ หรือบางครั้งอาจจะอ้างว่า เรื่องเล็กน้อย เขาก็ทำกันทั้งนั้น แต่เรื่องเล็กน้อยที่เป็นอกุศลก็อย่าประมาทนะครับและจะมีชาดกเรื่องที่พระภิกษุรูปหนึ่ง ถอดผ้าออกจนพระพุทธเจ้าเตือนให้มี หิริ ความละอาย จนภิกษุต้องสวมกลับเหมือนเดิมครับ
เรื่อง ถ้าการกระทำใดเดือดร้อนใจภายหลังก็อย่าทำกรรมนั้น
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ 213
"กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า (เพราะ) กรรมชั่ว ย่อมเผาผลาญในภายหลัง, ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่ตามเดือดร้อน กรรมนั้น เป็นกรรมดี อันบุคคลทำแล้วดีกว่า."
เรื่อง อย่าอ้างว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ทำกันทั้งนั้น
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 25
บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบาปว่า บาปมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลง (ทีละหยาดๆ) ได้ฉันใด ชนพาลเมื่อสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบาปได้ ฉันนั้น.
เรื่อง ควรมีหิริ ความละอาย แม้การไม่ใส่เสื้อผ้า
เชิญคลิกอ่านที่นี่...ควรมีหิริ ความละอาย [ชาดก]
1.เหตุเพราะไม่ศึกษาหรือขาดปัญญา
แม้ปราถนาจะสร้างความดีนอกจากไม่รู้วิธีที่ถูกที่ควรแล้ว ยังสร้างอกุศลเพิ่มเข้าไปอีก ต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยโรค AIDS เพียงแค่ยืดเวลาตายออกไปอีกหน่อยแต่กลับแพร่เชื้อโรค คือ การยั่วยุกามราคะให้กับสังคมและเยาวชน ซึ่งนำมาซึ่งคดีอาชญากรรมทางเพศอีกเท่าไรหรือนานเท่าไรก็ไม่รู้ (เพราะไม่รู้จะพิมพ์ขายกันกี่รอบ) ร้ายแรงกว่ายาเสพติด เพราะยาเสพติดยังมีทางบำบัดให้หายได้ แต่โรคอันเกิดจากกิเลสกามราคะติดอยู่ในสันดาน ยากที่จะบำบัดได้ ถ้าไม่ใช้พุทธวิธี
2.เหตุเพราะไม่มีเจตนาเป็นกุศลตั้งแต่ต้น?
เพียงอาศัยการกุศลเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างกระแสให้ตนกลับมาเป็นที่สนใจของสังคม เพื่อประโยชน์เรื่องงานและอาชีพหรือป่าว?....เท่ากับว่า....เริ่มต้นด้วยอกุศล จบด้วยอกุศล.......แบบนี้น่าสงสารกว่าพวกแรก
ดารานักแสดงตายแล้วจะไปเกิดในสุคติหรือทุคติ
อนุโมทนาคะ
เรื่องของทางโลกมีมากมายนับไม่ถ้วน เรื่องของความคิดเห็นของบุคคลอื่นๆ ก็มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่สามารถที่จะมีความคิดเห็นที่ถูกได้ แม้กระทั่งตัวเราเอง ก็ยังมองไม่เห็นอกุศลของตัวเราเอง จะป่วยกล่าวไปใยถึงอกุศลของคนอื่น ต้องไม่ลืมว่า การศึกษาธรรมที่แท้จริงนั้นเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสของตนเอง ไม่ต้องไปสนใจในอกุศลของผู้อื่น ไม่ต้องไปเสียเวลา เพราะเราไม่ได้รับประโยชน์แม้แต่เพียงนิดเดียว สังคมโลกเป็นไปตามกระแสของ โลภะ โทสะ โมหะ นับวันก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ หมั่นเจริญกุศลเพื่อประโยชน์ของตนเถอะค่ะ ดิฉันเองเมื่อได้อ่านเรื่องนี้ตามสื่อ ตอนแรกก็มีอกุศลจิตเกิดขึ้นบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป