ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาพระสูตร
(ว่าด้วยมิจฉาทิฏฐิ กับ สัมมาทิฏฐิ)
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๐
~ จะรู้ได้ว่าใครเห็นผิดระดับไหน อย่างไร ก็เพราะการกระทำและวาจาของเขานั่นแหละ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเขาเห็นผิดมากน้อยแค่ไหน
~ ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงไว้ เราจะไม่รู้เลยว่าความไม่รู้มากมายมหาศาล เพียงแค่ลืมตา ก็ไม่รู้แล้ว กิเลสก็เกิดแล้วด้วย ก็ไม่รู้
~ ปุถุชน เป็นผู้ที่มีกิเลสมากมายมหาศาล โดยไม่รู้ตัวเลย คิดว่าดี เป็นคนดีแล้ว แต่ความไม่รู้ ยังมีอยู่
~ การฟังพระธรรมให้เริ่มเข้าใจให้ถูกต้อง เป็นการเริ่มต้นที่จะรู้ความจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่ให้เราไปทำอย่างอื่นเลย แต่ให้เข้าใจให้ถูกว่า รู้แค่ไหนก็ยังไม่พอ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทำดีแค่ไหนก็ยังไม่พอ เพราะฉะนั้น การรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง จะทำให้ไม่เห็นผิดไม่เข้าใจผิด เพราะว่า บางคนก็คิดว่า กิเลสดับได้แล้ว
~ เข้าใจพระธรรม จากการฟัง ก็จะเป็นการสะสมให้ความเข้าใจนั้นเพิ่มขึ้น เพราะว่าใครก็ไม่สามารถทำให้ปัญญาเกิดขึ้นได้ นอกจากการได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไตร่ตรองจนกระทั่งมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ ชีวิตที่มีประโยชน์ที่สุดคือขณะที่ได้เข้าใจธรรม
~ เห็นคุณของพระธรรม ว่า อนุเคราะห์ให้ชีวิตทั้งชีวิต ซึ่งเกิดมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ได้มีโอกาสได้รู้ความจริงซึ่งยากที่จะรู้ เมื่อรู้แล้วก็เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่ได้ท้อถอย แต่รู้ว่าชีวิตควรจะดำเนินไปอย่างไร ที่ขาดไม่ได้คือการที่จะได้เข้าใจธรรม เท่าที่จะมีโอกาสตามเหตุตามปัจจัย ทำความดีทุกขณะที่สามารถจะกระทำได้ อย่างนั้นก็จะเป็นผู้ที่ได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ กับการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังธรรม (ทำดีและศึกษาพระธรรม)
~ เคยโกรธใคร จะไม่ให้อภัยคนนี้แล้ว แต่ธรรมเตือนใจ มาแล้ว ความโกรธเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นอกุศลธรรม เกิดแล้วจะสะสมสืบต่อไปทุกชาติ เพราะฉะนั้น ขณะนั้น อภัยเลยทันทีหรือยัง?
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล้ำค่า เพราะสามารถที่จะทำให้สภาพธรรมที่เป็นอกุศล ค่อยๆ เบาบางลงจนกระทั่งสามารถเป็นผู้ที่ไวในกุศล
~ ถ้าสามารถที่จะช่วยให้คนใดคนหนึ่ง แม้เพียงหนึ่งคน ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะช่วยให้คนนั้นออกจากสังสารวัฏฏ์
~ เห็นโทษของอกุศล ว่า โทษนั้น ไม่ได้เป็นโทษของคนอื่นทั้งสิ้น แต่เป็นโทษของตัวเองทั้งนั้น แล้วยังจะเพิ่มโทษให้กับตนเองทุกวันหรือ?
~ ไม่สะสมกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มากๆ อย่างเดิม เหมือนเดิม เอาไปทำไมกิเลส เพราะกิเลสเป็นโทษกับตนเอง นำไปนรก
~ พระธรรมแต่ละคำ สามารถที่จะทำให้คนฟัง ไตร่ตรอง และเข้าใจ สามารถถึงการที่จะรู้ธรรมในขณะนั้นได้
~ ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมี ตามความเป็นจริง
~ ฟังธรรม ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อเข้าใจขึ้นๆ จนกว่าจะแจ้งชัด
~ ขณะใดที่เข้าใจธรรม ประโยชน์มหาศาล คือ ขณะนั้น ละความไม่รู้และความติดข้อง
~ ข้าศึกศัตรูคือกิเลส (มีอวิชชา ความไม่รู้ เป็นต้น) อยู่ตรงนี้ แต่ดูเหมือนไกลแสนไกล เพราะไม่รู้ความจริง
~ ข้าศึกศัตรูคือกิเลส ถูกปราบด้วยปัญญา
~ ไม่มีอย่างอื่นใดทั้งสิ้นที่จะกล้าสู้กับกิเลสหรือจะทำลายกิเลสได้ นอกจากความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยตามความเป็นจริง ไม่ลืมกำลังของปัญญา แต่ต้องมีปัญญา ไม่ใช่ไม่มีปัญญาแล้วไปคิดถึงกำลังของปัญญา.
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ...
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
การศึกษาพระธรรมต้องขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ ผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลและขอบพระคุณ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ