สวัสดีทุกคนนะคะ หนูขออนุญาตตั้งกระทู้ปรึกษานะคะ
คือว่า หนูมีพี่สาว 1 คนตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาชอบอวดหนู และเยาะเย้ยหนูตลอด แบบพี่ ได้เกรดดีอย่างงั้นอย่างงี้ พี่ขาวกว่าเธอละเนี่ย มีคนให้ของ แต่พี่ไม่เอา หนูไม่ได้คิดอิจฉา อะไรหรอก เพราะหนูเฉยๆ และพี่สาวของหนู เวลาพ่อแม่จะให้ของหนู เขาไม่ยอมเลย เขาจะทะเลาะกับแม่พ่อ ด่าพ่อแม่ หนูเลยไม่เอาสิ่งนั้น พี่สาวของหนูเคยโดนเพื่อนๆ ใน ห้องแต่งเรื่องเลวร้ายเพราะไม่ชอบ แล้วช่วงนี้ พี่สาวของหนูชอบเอาคนในบ้านไปนินทา กับเพื่อนฝูง เรื่องพ่อแม่ เรื่องหนู เขาด่าหนูกับเพื่อนแบบไม่ไว้หน้า เขาแขวะ เขาด่าหนู จัญไร ทรยศกับเพื่อน ด่าว่าตอแหล แรด แต่งเรื่องให้หนูดูเสียหาย ซึ่งหนูไม่เข้าใจเลย ว่า จะทำยังไงดี? ซึ่งพี่สาวของหนูไม่เคยถามคำถามจากหนูเลย ว่ามันเป็นยังไง? ทำไมทำ แบบนี้? หนูไม่เคยได้ยิน
1. มันเป็นกรรมของหนูที่เจอคนพวกนี้หรือเปล่า
2. หนูรู้สึกเครียดและกลัวเวลาที่อยู่ใกล้ๆ พี่สาว พี่สาวจะแขวะหนูทุกๆ ทาง ไม่ยอมให้หนู ได้ดี หนูควรทำจิตใจยังไงดีคะ
3. ควรทำบุญ กรวดน้ำ ให้เขาไหม
4. เขาจะได้รับผลกรรมไหม
5. จะทำอย่างไรต่อไปดีคะ มันรู้สึกท้อที่ถูกนินทา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ
1. มันเป็นกรรมของหนูที่เจอคนพวกนี้หรือเปล่า
-แต่ละคนก็มีความประพฤติเป็นไปตามการสะสม ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สำหรับการประสบกับ สิ่งที่ไม่น่าปรารถนา เช่น ได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุ ปัจจัย คือ อกุศลกรรมที่ได้กระทำมาแล้วในอดีต เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ใน อำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แสดงให้เห็นเลยว่า ผลที่ไม่ดีก็ย่อมมาจากเหตุที่ไม่ดี ที่ตนเองได้เคยกระทำไว้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า เป็นกรรมอะไร เมื่อใด ก็ย่อมจะ เป็นเครื่องเตือนที่ดี ให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการสะสมเหตุที่ดี ละเว้นเหตุที่ไม่ดี คือ ละเว้นอกุศลกรรม ต่อไป
2. หนูรู้สึกเครียดและกลัวเวลาที่อยู่ใกล้ๆ พี่สาว พี่สาวจะแขวะหนูทุกๆ ทาง ไม่ยอมให้หนู ได้ดี หนูควรทำจิตใจยังไงดีคะ
-แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ เครียด กลัว ก็เป็น ธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าเข้าใจพระธรรม ก็จะเบาสบาย สามารถ อยู่ในท่ามกลางคนหมู่มากที่เป็นไปก้บด้วยอกุศลได้ เพราะเราไม่สามารถห้ามความคิด คำพูดหรือการกระทำของคนอื่นได้ แต่เราสามารถรักษาใจของเราไม่ให้เป็นไปกับอกุศลได้ เพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ถึงแม้ว่าคนอื่นเขาจะเป็นอย่างไร เราก็จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีให้กับตนเอง คือ จะไม่ทำอกุศล ประทุษร้ายตอบ เป็นต้น แต่ควรที่จะมีเมตตา มีความเป็นมิตร เป็นเพื่อนต่อเขา แม้เขาจะไม่ดีอย่างไร ก็ตาม พร้อมทั้งทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดและพยายาม แก้ไขในข้อบกพร่องของตนเองด้วย
3. ควรทำบุญ กรวดน้ำ ให้เขาไหม
-การทำบุญ การเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เป็นการ สะสมเหตุที่ดี สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเอง เพราะกุศล ย่อมเป็นที่พึ่งได้ จุดประสงค์ของ การเจริญกุศล ก็เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองซึ่งมีมากเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่เห็นโทษ ของอกุศล ไม่เห็นคุณของกุศล ละเลยโอกาสการเจริญกุศล ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้อกุศลเกิดพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่น ถึงแม้เราจะดีอย่างไร สะสมกุศลอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามการเป็นอกุศลของคนอื่นได้ เพราะเขาสะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น ที่ดีที่สุด คือ ทำดีทุกโอกาส โดยที่ไม่ใช่ว่ามุ่งจะให้คนอื่นมาดีกับเรา แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ
4. เขาจะได้รับผลกรรมไหม
-ผู้ที่ทำกรรมไม่ดี เขาก็ได้สะสมเหตุที่ไม่ดีให้กับตัวเขาเองแล้ว เป็นบุคคลที่น่าเห็นใจเป็น อย่างยิ่ง เมื่อถึงคราวที่กรรมไม่ดีให้ผล จะอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้น สัตว์โลกมีกรรมเป็นของ ของตนจริงๆ
5. จะทำอย่างไรต่อไปดีคะ? มันรู้สึกท้อที่ถูกนินทา
-ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก แล้ว จะทำอย่างไรต่อไป? ก็คือ เป็นคนดี มีความอดทน ที่มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา และสะสมสิ่งที่ดีต่อ ไป เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้ยากแสนยาก เมื่อเกิดมาแล้ว (แม้จะประสบ ความทุกข์ ความเดือดร้อนเพียงใด ก็ยังไม่เท่าในนรก) สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต ก็คือ ความเป็นผู้มีความประพฤติที่ดีทางกายทางวาจาและทางใจ พร้อมทั้งมีความมั่นคงที่ อบรมเจริญปัญญาต่อไป การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังอีกยาวไกลมาก ความดีและความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้ ถึงแม้คนอื่นจะร้ายอย่างไร ขอเพียงเรา เป็นคนไม่ร้ายตามเขา ก็เป็นพอ ครับ
ขอให้คุณผู้ใช้นามว่า aprilbt523 มีกำลังใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะได้สะสมความดีและ ฟังพระธรรม ต่อไป นะครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. มันเป็นกรรมของหนูที่เจอคนพวกนี้หรือเปล่า
สัตว์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็เกิดมาเพราะอาศัยกรรมที่เคยทำมา ดังนั้น แม้แต่การเกิด ก็เป็นผลของกรรม เมื่อเกิดแล้ว ก็มีมีผลของกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยไม่รู้ เลย ซึ่งผลของกรรม ก็มีทั้งผลของกรรมที่ดี และผลของกรรมที่ไม่ดี ซึ่งผลของกรรม ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน คือ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส ซึ่ง กำลังมีอยู่ในขณะนี้ ขณะที่ได้ยินเสียงที่ดี หรือไม่ดี ที่สมมติว่าเป็นคำด่า คำว่า ก็ เป็นผลของกรรมที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศลกรรม เพราะฉะนั้น เพราะเคยทำเหตุที่ไม่ดี คือ ด่า ว่าร้ายคนอื่น ในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติก็ทำให้ได้ยินเสียงที่ไม่ดี หากได้ศึกษา ธรรม ก็จะรู้ว่า ไม่มีใครทำให้เลย เพราะตัวเองนั่นแหละที่เป็นเจ้าของกรรม คือ เป็น คนทำเอง ทำให้ได้ยินเสียงที่ไม่ดี โดยสมมติว่าเป็นพี่สาวว่า ดังนั้น ไม่มีโทษของ ใคร แต่เป็นโทษ คือ อกุศลกรรมของตนเอง ที่ทำไว้ ประโยชน์ คือ ให้เข้าใจว่าไม่ สามารถไปโทษใครได้ เพราะเป็นกรรมของตนเองที่ทำไว้จริงๆ ในชีวิตประจำวัน และหากพิจารณาละเอียดลงไปว่า การได้รับผลของกรรมที่ดีหรือไม่ดี จะต้องมีเหตุ คือ การทำกรรมที่ดี หรือไม่ดี เพราะฉะนั้น อาศัยกิเลสที่มี ทำให้มีการทำกรรม
ดังนั้น ต้นเหตุที่ทำให้ทุกข์ ไม่ใช่ใครอื่น เพราะกิเลสที่มีในจิตใจของตนเอง ความ ทุกข์จึงเกิดขึ้น เพราะกิเลสที่มี ขณะใดที่ทุกข์ใจ ไม่มีใครที่ทำให้ทุกข์ใจ แต่กิเลส ที่ตนมีเกิดแล้ว ทำให้ทุกข์ใจ เสียใจ เป็นสำคัญ ครับ
2. หนูรู้สึกเครียดและกลัวเวลาที่อยู่ใกล้ๆ พี่สาว พี่สาวจะแขวะหนูทุกๆ ทาง ไม่ยอมให้ หนูได้ดี หนูควรทำจิตใจยังไงดีคะ
เครียด เพราะไม่มีปัญญา ไม่เครียด เพราะมีปัญญา ถ้าถามว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่มี ใครทำอะไรได้ นอกเสียจากอบรมสภาพธรรมที่จะทำให้ทุกข์น้อยลงและคิดถูกมากขึ้น คือ การอบรมปัญญา ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่จะทำให้คิดถูกตาม ความเป็นจริง พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ยาที่จะทานแล้ว ไม่เครียดหายโรคทันที เพราะ ความเครียด ทุกข์ใจเกิดจากกิเลส แต่กิเลสสะสมมามากเหลือเกิน นับประมาณไม่ได้ เพราะฉะนั้น การจะไม่ให้เครียด ไม่ให้ทุกข์ ก็จะต้องค่อยๆ ละกิเลสที่มีมาก ด้วยการ ศึกษาพระธรรม ซึ่งแม้ผู้มีปัญญามาก เป็นพระอริยบุคคลเป็นพระโสดาบัน ท่านก็ยัง ทุกข์ใจ เสียใจ เพราะยังมีกิเลสอยู่ ดังนั้น หนทางการจะคลายทุกข์ ละทุกข์ที่แท้จริง คือ รู้จักทุกข์ว่าคืออะไร หากแต่ว่า ต้องการที่อยากจะละทุกข์ ด้วยความต้องการ ด้วย ความหวังที่เป็นโลภะ ก็ต้องทุกข์เพิ่มไปอีก เพราะแสวงหาด้วยความหวัง ไม่ใช่หนทาง ที่ถูก แต่ ที่ถูกคือ ค่อยๆ อยู่กับความทุกข์ด้วยความเข้าใจ และ ค่อยๆ อบรมหนทางที่ถูก คือการศึกษาพระธรรม ครับ
ซึ่งหากไม่จำเป็นก็ต้องอยู่ห่างๆ พี่สาว และเข้าใจว่า จะต้องถูกด่าว่าเป็นธรรมดา เพราะมีกรรมที่ตนเองทำไว้ และก็ให้เข้าใจต่อไปว่า ก็ต้องทุกข์ใจเครียด เป็นธรรมดา หากว่าใครที่ไม่เครียด ไม่ทุกข์ใจ คนนั้นจะต้องผิดปกติแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกคนล้วน แล้วแต่ทุกข์ แต่ผู้ที่ฉลาด เมื่อทุกข์แล้ว ย่อมแสวงหาทางที่ถูก คือ การศึกษาพระธรรม ครับ
3. ควรทำบุญ กรวดน้ำ ให้เขาไหม
การกรวดน้ำ เป็นเรื่องของการอุทิศส่วนกุศลให้คนที่จากไปแล้ว แต่น้ำที่ดีประเสริฐ คือ ความให้อภัย และ ความเมตตา ที่จะเป็นน้ำที่ชำระล้างจิตใจ ให้ไม่ให้ผูกโกรธ และเข้าใจบุคคลอื่น ดังนั้น แทนที่จะไปกรวดน้ำให้คนอื่น ก็ล้างใจของตนเอง ด้วยความให้อภัย เห็นใจ และ มีเมตตากับบุคคลอื่นที่ทำไม่ดี ที่เขาทำกรรมที่ไม่ดี เขาก็จะต้องได้รับ ผลของกรรมที่ไม่ดี ซึ่งเมื่อเราเห็นคนอื่นได้รับทุกข์ต่างๆ มากมาย เราก็สงสารเขา แต่ หากเรารู้เหตุว่า เพราะ บุคคลทำบาป ทำให้ได้รับทุกข์ ดังนั้นก็ควรจะสงสารในขณะที่ เขาด่าว่า เพราะ เขาจะต้องได้รับทุกข์ในอนาคต ครับ
4. เขาจะได้รับผลกรรมไหม
ไม่ว่าใคร ก็ไม่พ้นจากการจะต้องได้รับผลของกรรม สำคัญที่ตนเอง ไม่ใช่ผู้อื่น ที่จะพิจารณาถูกว่า หากเขาจะต้องได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี และตนเอง ควรจะเห็นใจคนอื่นไหมที่จะได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี และที่สำคัญ เมื่อตนเองขณะนี้ ก็ได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี่ ควรที่จะงดเว้นจากเหตุที่จะทำไม่ดีต่อไป ด้วยความอดทนและเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครับ
5. จะทำอย่างไรต่อไปดีคะ มันรู้สึกท้อที่ถูกนินทา
ความทุกข์มีจริง เสียงที่กระทบทางหูมีจริง ควรเข้าใจว่า ทุกคนก็จะต้องได้รับสุข และ ทุกข์อย่างนี้เป็นธรรมดา การได้ยินเสียงที่ไม่ดี เป็นเพราะอกุศลกรรมในอดีต ที่ได้ทำมา ส่วนความขุ่นเคืองใจ ทุกข์ใจ เสียใจ ท้อใจ เป็นอกุศล เป็นกิเลสของ ตนเอง โทษใครไม่ได้เลย ควรที่จะแสวงหาหนทางที่จะเข้าใจความจริง หนทางที่ ถูกต้อง คือ ไม่ใช่เพื่อจะทำอย่างไรไม่ให้พบเจอสิ่งที่ไม่ดี หรือจะทำอย่างไร ไม่ให้ ทุกข์ใจ เสียใจ เพราะ ไม่มีทางเลย ที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น แต่ควรเข้าใจว่า จะ เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เข้าใจความจริงว่า คือ อะไร ซึ่งคำตอบมีในพระพุทธศาสนา หาก ว่า ต่อไปหายทุกข์ ก็ลืมแสวงหาหนทาง เพราะ ไม่ทุกข์แล้ว ก็ไม่ศึกษาธรรม แต่ เมื่อคราวทุกข์ก็แสวงหาหนทาง ควรที่จะศึกษาธรรม แม้จะทุกข์ หรือ ไม่ทุกข์ก็ตาม ซึ่งในเวปนี้ ก็มีให้อ่าน และ ฟังธรรม ครับ
ขอเป็นกำลังให้ด้วยความเข้าใจพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนา
ได้ยินเสียงของใครๆ ก็ตามแล้วเกิดอกุศล บางครั้งก็รู้สึก บางครั้งไม่รู้สึกว่าเกิดอกุศล ทำให้เราไม่พอใจ และผมก็ต่อว่า พูดโต้ตอบกลับไป แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ การเจริญกุศลเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ กุศล บางอย่าง มีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ ปัญญาเจริญขึ้นในระดับหนึ่ง (ปัญญานี้ต้อง เป็นกุศลเท่านั้น ไม่ใช่ปัญญาที่ใช้ในทางโลกครับ)
ยกตัวอย่างบางครั้งผมได้ยินเสียงใครมาว่า หรือมองเห็นคนหรือสิ่งทางตา หรือ เสียงที่เราไม่พอใจ ตอนนั้นเกิดอกุศลแต่เพราะฟังพระธรรมพอเข้าใจบ้าง ก็เจริญกุศล แทนที่อกุศล (มีหลายอย่าง เช่น ความเครียดที่กำลังเกิด) เช่นเปลี่ยนจากความโกรธเป็น ความเมตตาทันที ตอนนั้นเสียงที่ได้ยินที่ไม่พอใจก็สงบลง หรือเปลี่ยนเป็นเสียงที่ทำให้ พอใจหรือเฉยๆ แทนที่ เหมือนกับว่าคนอื่นที่พูดเกิดความเกรงใจหรือเมตตาเราหรือเกิด ความละอายใจที่มาต่อว่าเรา หรือเกิดกุศลอื่นๆ ในจิตใจของเขา เขาจะหยุดพูดทันทีหรือ เปลี่ยนเรื่องพูด ตอนนั้นทุกอย่างเป็นปกติ บางครั้งก็เจริญกุศลได้ทันทีแล้วทุกอย่างก็สงบ ลง (ภาษาทางโลก) บางครั้งก็ไม่ สิ่งสำคัญไม่ใช่ให้สิ่งอื่นสงบ แต่เป็นตัวเราที่สงบเองไม่ ว่าสิ่งอื่นจะสงบหรือไม่ บางครั้งกุศลก็ไม่เกิดทันที (เพราะมีความหลงไม่รู้ว่ากำลังเกิด อกุศล แต่ความหลงนี้ค่อยๆ น้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะกุศลอื่นๆ ค่อยๆ เจิญขึ้นด้วย บางครั้ง กุศลมีปัญญาเกิดด้วย บางครั้งก็ไม่) แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมเลย มี การต่อว่าโต้ตอบ บางครั้งขว้างปาสิ่งของเพื่อระบายอารมณ์
การฟังพระธรรมไม่ใช่เพื่อให้เราเกิดกุศลเพราะหวังในผลของกุศล เป็นธรรมดา ของมนุษย์อยู่ แต่ค่อยๆ ศึกษาพิจารณา เจริญมรรค มีองค์ 8 เพื่อเห็นถึงความไม่เที่ยงของ กุศลและอกุศลและสภาพธรรมอย่างอื่น ค่อยๆ ถอยห่างจากความติดข้อง ในกุศล และผล ของกุศล สภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ไปเรื่อยๆ ปัญญาก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ ครับ ทุกข์เพราะการเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดก็ไม่ต้องมีทุกข์ ... ขอให้น้องอดทนศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ จากเว็ปไซค์นี้ หรือที่มูลนิธิเอง ซึ่งเป็น การศึกษาพระธรรมตามพระไตรปิฏกจริงๆ จะทำให้ได้รับประโยชน์จริงๆ จากท่านอาจารย์ จากผู้มีปัญญา ผู้ที่ศึกษาดีแล้ว เป็นกัลยาณมิตร แก่น้องและคนอื่นๆ ที่สนใจพระธรรมได้ ครับ
แต่ผมเขียนมาตามที่ปรากฏกับผมจริงๆ รวมทั้งการฟังพระธรรมมาบ้าง เจริญกุศล มากบ้างน้อยบ้าง ตามสติปัญญา (ปัญญานี้ต้องเป็นกุศลเท่านั้น ไม่ใช่ปัญญาที่ใช้ในทาง โลกครับ เห็นไหมครับว่าพระธรรมน่าศึกษามาก)
อันดับแรกที่ไม่ควรทำที่สุดคือใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ (ผล กรรมน่าจะหนักกว่าด่าคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พ่อแม่) และด่าคนอื่นๆ แม้แต่ตัวเองด้วยครับ ดีแล้ว ที่น้องไม่ด่าพ่อแม่ หรือผู้มีคุณอื่นๆ ใครทำไม่ดีก็เป็นความไม่ดีของเขาเองครับ เราต้อง แก้ไขความไม่ดีของเราเองครับ ขอให้น้องศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ นะครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ท่านอาจารย์กล่าวว่าธรรมะมีคำตอบในทุกคำถาม เป็นเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิต
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 148
เรื่องนางสิริมา
[๑๑๙] "พึงชำนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี พึงชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้ปัน พึงชนะคนพูดพล่อยๆ ด้วยคำจริง"
ขออนุโมทนาคะ
ขออนุโมทนาครับ