ความรู้สึกนึกคิดในขณะนี้ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเราหรือไม่? เรามีเจตน์จำนงค์เสรีในการดำเนินชีวิตไหม?
มนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ต่างสามารถมีเจตน์จำนงค์เสรีในการใช้ชีวิต เป็นแนวคิดที่เป็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และหากเป็นตามนั้นได้จริงก็ดูจะเป็นสังคมอารยะที่มีความเท่าเทียมและเหลื่อมล้ำกันน้อยได้
แต่ในความเป็นจริง อารยธรรมสังคมมนุษย์เรา เป็นดั่งเหล้าเก่าในขวดใหม่ ตัวละครหมุนเวียนเปลี่ยนซ้ำในบทที่ต่างถูกครอบงำด้วยอวิชชาและตัณหา เหมือนดั่งสังคมกำลังก้าวไปข้างหน้า ด้วยเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่เป็นไปในทิศทางที่ยิ่งเดินยิ่งหลง ยิ่งวนเวียนเหมือนงูกินหาง
เมื่อตั้งต้นด้วยความเข้าใจโลกที่ถูกต้อง ความเข้าถึงอิสระจึงเกิดขึ้นได้โดยแท้จริง แต่เมื่อตัวเราก็มาจากไม่มี แล้วก็มี และหามีไม่ แล้วเจตน์จำนงค์เสรีที่ใฝ่หานี้คือสิ่งใด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมทุกอย่าง เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แม้แต่ความคิดนึก ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ชีวิตแต่ละขณะ ก็เป็นไป ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงแต่ละขณะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกไปทีละเล็กทีละน้อย
และจะเห็นได้จริงๆ ว่า แต่ละคนที่เกิดมานั้น มีความคิด การกระทำและคำพูดที่แตกต่างกันออกไป ตามการสะสมของแต่ละบุคคล ดีบ้าง ชั่วบ้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย และนอกจากนั้นการได้รับผลของกรรมยังหลากหลายแตกต่างกันออกไป ตามเหตุที่แต่ละคนได้ทำมา แต่สำหรับผู้ที่เห็นคุณของความดี เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ก็จะเป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาเป็นปกติในชีวิตประจำวัน และไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ เพราะชีวิตสั้นแสนสั้น ไม่รู้ว่าจะละจากโลกนี้ไปเมื่อใด สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริงนั้น ไม่ใช่ความชั่ว แต่เป็นความดี และ ปัญญา ที่ได้สะสมไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ