ปัญหานี้มีอยู่เสมอในวงธรรมะ คือต้องการให้ผู้อื่นฟัง ต้องการให้ผู้อื่นศึกษาธรรมะ จนกระทั่งเป็นปัญหาว่า เมื่อไรคนไทยเราจะศึกษาธรรมะกันมากๆ แต่ว่าผู้ที่กล่าวเช่นนี้ หรือว่าผู้ที่ต้องการเช่นนี้ กำลังศึกษาธรรมะด้วยตนเอง หรือเปล่า
ทุกคนยอมรับว่า เหตุการณ์ของโลกหรือของประเทศเรามีทางเดียวที่จะแก้ได้จริงๆ คือพระธรรม ทุกคนก็อยากจะให้คนอื่นศึกษาพระธรรมมากๆ แต่ลืมว่าตัวเองกำลังศึกษาพระธรรมหรือเปล่า ท่านเองจะศึกษาไหม จะศึกษาพระธรรมส่วนไหน จะศึกษาเมื่อไหร่ และจะศึกษาที่ไหน
เมื่อพระธรรมเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะศึกษาแล้ว ก็ควรจะตั้งใจจริงๆ ที่ถามว่าการที่จะแนะนำผู้ที่ไม่สนใจธรรมะนั้น ควรมีวิธีการอย่างไร ก็คือ ท่านเองต้องเริ่มศึกษา เมื่อผู้อื่นเห็นท่านศึกษาเขาก็จะสนใจศึกษาด้วย เมื่อถึงเวลาที่ท่านฟังรายการธรรมะทางวิทยุ คนอื่นในบ้านก็พลอยฟังด้วย เป็นการชักชวนทางอ้อม เพราะเมื่อได้ยินบ่อยๆ ก็คงจะพลอยฟังไปทีละเล็กละน้อยไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เกิดสนใจ ส่วนการที่แต่ละคนอยากจะให้ คนอื่นศึกษาธรรมะโดยตนเองไม่ศึกษานั้น ย่อมไม่เป็นผล
เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ.......
จะเริ่มต้นศึกษาธรรมะอย่างไร
ต้องการให้ผู้อื่นมาฟังสักเท่าไหร่ ถ้าเหตุปัจจัยไม่พร้อม เขาก็คงไม่มาหรอกค่ะ สำคัญที่ตัวเองเข้าใจก่อนดีกว่านะคะ ถ้าเขามาสอบถาม เราจะได้พูดธรรมะได้ตรงค่ะ
ในความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่รับรู้มาตลอด "การฟัง"นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แม้คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้รับฟังบ่อยๆ เนืองๆ ก็จะเกิดความเคยชินและคุ้นเคย เปรียบเสมือนเด็กเล็กๆ ได้รับฟังบ่อยๆ แม้จะไม่รู้สิ่งที่ได้ยินได้ฟังนั้นแปลว่าอะไร ก็จะเริ่มค่อยๆ สนใจที่ละเล็ก ที่ละน้อย เมื่อได้รับฟังบ่อยๆ ก็จะเริ่มเกิดความสนใจ ผมเองก็เริ่มจากการฟัง เมื่อฟังบ่อยๆ ก็เริ่มจะสนใจ และก็เริ่มที่จะศึกษา แม้จะเริ่มจากศูนย์ก็ตาม...
ขออนุโมทนาผู้ตั้งคำถามด้วยครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ