คือ เกิดผัสสะก่อนแล้วจึงเกิดเป็นเวทนาใช่หรือไม่? แล้วอย่างไรจึงจะระลึกรู้ว่าเป็นเวทนา มิใช่เจตสิก (สังขาร) ที่คิดปรุงแต่งไป เช่น เวลาโดนฉีดยา ผัสสะเกิดเพราะ เข็ม ซึ่งเป็นอารมณ์ เข้ามากระทบกับผิวหนัง ซึ่งเป็นอายตนะ เกิดจิตรู้สึกที่ผิวหนัง ครบเป็นกระบวนการผัสสะ จึงเกิดเป็นเวทนา (รู้สึกเจ็บ) ขึ้นใช่หรือไม่? หรือความรู้สึกเจ็บตรงนี้มิใช่เวทนาแต่เป็นเพียงผัสสะเท่านั้น? และหากมีความคิดต่อไปว่าเป็นเราที่เจ็บ อย่างนั้นเป็นเจตสิกที่เกิดใช่หรือไม่? ขอความกระจ่างด้วยครับ เพื่อการระลึกรู้ที่ตรงกับสภาพธรรมะที่ปรากฏจริงๆ มิใช่การคิดปรุงแต่งไปเอง
ขอบคุณครับ
ตามหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์โดยนัยปรมัตถธรรม ผัสสะและเวทนาเมื่อเกิดขึ้นย่อมเกิดพร้อมกันเสมอ คือ ไม่ก่อนไม่หลังในขณะจิตเดียวกันเลย ส่วนสังขารก็เช่นเดียวกันเกิดพร้อมกันในขณะจิตเดียวกัน แต่สังขารขันธ์บางประเภทไม่เกิดร่วมกัน เช่น กุศลสังขาร ไม่เกิดร่วมกับอกุศลสังขาร แต่โดยรวมเมื่อจิตเกิดขึ้นมีเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ เกิดร่วมด้วยทุกครั้ง ผัสสเจตสิกก็เป็นสังขารขันธ์
สรุป คือ ทุกขณะจิตขันธ์ทั้งห้าเกิดขึ้นเป็นไปพร้อมกัน แต่นามขันธ์เกิดดับเร็วกว่ารูปขันธ์ แต่โดยนัยพระสูตรอาจจะกล่าวได้เช่นกันว่า สุขเวทนา ทุกขเวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย
ธรรม คือ ธรรมดา คือ ปกติในชีวิตประจำวันนั่นเองค่ะ ขณะนี้มีสภาพเห็น มีสิ่งที่ถูกเห็นใช่มั้ยคะ ไม่ทราบเข้าใจว่าอย่างไรบ้างคะ? สิ่งที่เราคิดว่าธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ เป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจและไม่ควรมองข้าม แต่โดยมากคนเรามักอยากจะรู้สิ่งที่ไกลตัวและเกินวิสัย (ถูกโลภะชักจูงไปอีกแล้ว) การศึกษาปริยัติจะไม่เกิดประโยชน์เลย ถ้าไม่เกื้อกูลต่อความเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ค่ะ
สภาพธัมมะเกิดดับอย่างรวดเร็ว จากที่คุณกล่าวว่า และหากมีความคิดต่อไปว่าเป็นเราที่เจ็บ อย่างนั้นเป็นเจตสิกที่เกิดใช่หรือไม่? ไม่ต้องรอให้ให้คิดว่าเป็นเราที่เจ็บ ผัสสะ กับเวทนาที่เกิดร่วมด้วยกับ ทุกขกายวิญญาณก็เกิดแล้ว แต่ที่คุณคิดต่อทีหลังว่า เป็นเราเจ็บ ขณะนั้นก็เป็นสภาพคิดนึกซึ่งเป็นจิตที่คิด และก็มีเจตสิก อื่นประกอบด้วย ที่สำคัญก็มี ผัสสะ และเวทนาเจตสิก เกิดพร้อมกันอีกนั่นแหละ เพราะเหตุใด เพราะเจตสิก 2 ดวงนี้ เกิดกับจิตทุกดวงครับ
และที่คุณกล่าวเรื่อง ขอความกระจ่างด้วยครับ เพื่อการระลึกรู้ที่ตรงกับสภาพธรรมะที่ปรากฏจริงๆ มิใช่การคิดปรุงแต่งไปเอง ขอบคุณครับ ต้องเข้าใจว่า สติปัฏฐาน มีอะไร เป็นอารมณ์ ต้องมีปรมัตถ์ เป็นอารมณ์ บัญญัติ หรือเรื่องราว เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานไม่ได้ ดังนั้น ที่คุณคิดว่าเป็นเราที่เจ็บ ขณะนั้นไม่ใช่สติปัฏฐาน เพราะเป็นจิตที่คิดนึก โดยมีเรื่องราว (บัญญัติ) เป็นอารมณ์ครับ
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่างครับ ผมคิดว่าตนเองนั้นยังศึกษามาน้อย หากเข้าใจอะไรผิดไปก็กราบขออภัยและขอผู้รู้โปรดชี้ทางที่ถูกด้วย ขอบพระคุณญาติธรรมทุกคนครับ
ขออนุโมทนาครับ